วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567

 นนทบุรี วงจรปิด ต่อข่าว ทนายดังชี้เด็กออทิสติกทำร้ายสาวกระเป๋นรถเมล์ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ






     จากกรณีเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว“ โพสต์คลิปวงจรปิดภาพเหตุการณ์ โดยระบุข้อความว่า”เลวได้ใจอีกตัว ญาติใครรีบมาดูหน่อย ไปขอเบอร์กระเป๋ารถเมล์ แต่เขาไม่ให้เลยตีเขาแล้วรีบชิ่งลงรถ แถมยังไปรายงานขนส่งหาว่าพนง.กิริยาไม่สุภาพอีก เลวได้ใจจริงๆ... ส่วนจนท.ขนส่ง พอทราบเรื่องก็มาบอกว่า "เราต้องใจเย็นมากกว่านี้เพราะเราทำงานบริการ“






     ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในรถเมล์ วันที่ 7 ธ.ค. 67 เวลา 15.36 น. จับภาพนาทีผู้โดยสารชายยื่นโทรศัพท์มือถือให้สาวกระเป๋ารถเมล์ แต่สาวกระเป๋ารถเมล์ปฏิเสธการรับ สักพักผู้โดยสารชายจึงได้ลุกขึ้นปรี่เข้ากระชากแขน และทุบสาวกระเป๋ารถเมล์ ก่อนจะลงจากรถไป






     ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 25 ธ.ค. 67 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ส.ส.พรรคประชาชน เขต 7 จ.นนทบุรี พร้อมทีมงาน เดินทางไปที่อู่รถเมล์ ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อมาให้กำลังใจและให้คำปรึกษาในข้อกฎหมายเกี่ยวกับอาชีพบริการ และกรณีของเด็กพิเศษ (ออทิสติก)




    นายบุญยงค์ ชัยศรี ผู้อำนวยการเขตการเดินรถที่ 7 กล่าวว่า วันนี้ท่านส.ส.มาให้กำลังใจพนักงานถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงยอมความกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน สภ.บางกรวย พนักงานเราพร้อมให้บริการ น้อมรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่าทางน้องจะปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อ ส่วนตนได้พูดให้กำลังใจกับน้อง ตอนนี้ทางขสมก.มีหลักฐานว่าไม่ได้มีการปฏิบัติหน้าที่แบบที่ร้องเรียน เลยให้ยุติเรื่องที่ถูกรายงานเข้ามา กรณีนี้ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดเราต้องใช้พยานบุคคล อยากจะฝากถึงพนักงานทุกคนที่ได้รับการอบรมมาในด้านงานบริการ คงต้องเอามาใช้ที่หน้างาน อยากให้ทุกคนมีความอดทน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น




     น.ส.พิโชบล ยาดี อายุ 21 ปี สาวกระเป๋ารถเมล์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เราทำงานบริการไม่มีสิทธิ์ที่จะเลี่ยงพบเจอผู้โดยสารแบบนี้ เคสนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์คล้ายกันแต่ไม่ได้รุนแรง ตอนนั้นตนคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแต่พอเกิดเหตุก็รู้สึกกังวลใจ ขณะเกิดเหตุตนได้เชิญผู้ก่อเหตุลงจากรถและต่อว่ามาทำแบบนี้กับตนทำไม เมื่อวานนี้ตนได้คุยกับผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ ทางพ่อได้บอกกับตนว่าเขาแยกทางกับภรรยา และไม่ได้ดูแลผู้ก่อเหตุ ปล่อยให้อยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว ซึ่งทางผู้ปกครองจะมอบเงินเยียวยาให้ตนจำนวน 4,000 บาท แต่ขอจ่ายเพียง 1,000 บาทก่อน และจะจ่ายส่วนที่เหลืออีกภายในวันศุกร์นี้ ตนคิดว่าน่าจะไม่เจอผู้ก่อเหตุอีกแต่หากจำเป็นต้องเจอก็จะหาวิธีเลี่ยง ตีตัวออกห่าง ส่วนเรื่องที่โดนรายงานโดยไม่ได้มีการสอบถามข้อเท็จจริง ตนยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่กำลังใจของตนก็ดีขึ้นและทำงานต่อได้ปกติ


    นายเจริญ จินะสาม พนักงานขับรถ ขสมก. กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไปรับผู้โดยสารชายคนดังกล่าวขึ้นมา จากนั้นได้ยินคุยกัน ผู้โดยสารชายขอแอดไลน์น้อง พอไม่ให้สักพักผู้โดยสารชายก็โมโหลุกขึ้นมา แล้วใช้มือตบไปที่น้อง ตนเงยหน้ามองดูที่กระจกตกใจมาก ตนเลยเชิญลงจากรถ ตอนที่เดินลงไปยังตะโกนด่าน้อง ทางน้องเลยด่ากลับ ตั้งแต่ขับรถโดยสารมา 30 กว่าปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ หลังเกิดเหตุได้สอบถามอาการของน้องบอกว่าเจ็บแค่เล็กน้อย ตนรู้สึกเสียใจมากมาทำกับน้องแบบนี้ ตนมารู้ตอนหลังว่าคนที่ลงมือตบน้องเป็นเด็กพิเศษ ซึ่งเด็กคนนี้ขึ้นป้ายรถเมล์นี้เป็นประจำเกือบทุกวัน อยากฝากบอกกระเป๋ารถเมล์ทุกคนให้ทำใจให้สบาย อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้โดยสาร เพราะทางเราเป็นฝ่ายงานบริการ หนักนิดเบาหน่อยต้องให้อภัยผู้โดยสาร ถ้าหนักจนเกินไปให้เดินหนี และอยากให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานให้ดี ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจะเกิดปัญหาแบบเหตุการณ์นี้


     นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นจากที่ได้ฟังข้อมูลข้อเท็จจริง ตนมองว่าตรงนี้ยังมีความหลากหลายในเรื่องของกฎหมายที่จะต้องถูกบังคับใช้ เนื่องจากสังคมของผู้โดยสาร ส่วนใหญ่จะมองพนักงานขับรถ พนักงานเก็บค่าโดยสารเป็นอีกชนชั้นหนึ่ง เป็นผู้ให้บริการ จะต้องมีความนอบน้อม จะทำยังไงก็ได้ ตนจะนำเรื่องนี้ไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อกฎหมายคุ้มครองพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสาร ตนเปรียบเทียบกรณีที่เราขึ้นเครื่องบิน ทำไมเราต้องฟังแอร์โฮสเตส ทำไมต้องเคารพกติกา เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย เรื่องนี้ก็เหมือนกันอย่าเห็นเป็นเพียงแค่รถเมล์ธรรมดา สมมุติว่ากรณีนี้ผู้ก่อเหตุไปทำกับคนขับรถ และคนขับรถเกิดตกใจ ควบคุมรถไม่อยู่ และเกิดอุบัติเหตุอาจจะทำให้ร้ายแรงมากกว่านี้ นอกจากนี้ในเรื่องของสิทธิมนุษยชนต้องคำนึงว่าคนต้องเท่ากัน ไม่ว่าเขาจะทำอาชีพอะไร ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องเท่ากัน จะเห็นว่าพนักงานบริการจะต้องแบ่งชนชั้น ตนว่าไม่ถูกต้อง ตนจะรับเรื่องและไปขับเคลื่อนต่อ จะทำให้สังคมที่อยู่อยู่ด้วยความปลอดภัยเป็นยังไง สำหรับเรื่องนี้เมื่อมีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นว่าผู้ก่อเหตุเป็นเด็กพิเศษ (ออทิสติก) พนักงานสอบสวนไม่ควรหยุดแค่ตรงนี้ควรจะประสานงานต่อกับ พม.จ.นนทบุรี ที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตบัตรคนพิการต่างๆ เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุไปให้คุณหมอตรวจอีก ว่าผู้ก่อเหตุมีสภาวะปกติที่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไปได้มั้ย จำเป็นต้องมีการดูแลพิเศษและมีผู้ปกครองดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ จะมีมาตรการอะไรเพื่อที่จะไม่ให้ผู้ก่อเหตุมาอยู่ในสังคมที่มีความเสี่ยงสูงแบบนี้ เพื่อที่จะไปบำบัดรักษายังไง ให้ใช้ชีวิตได้ปกติ เพื่อสังคมที่เป็นอยู่ได้สงบสุข


     ทนายโป้ง กล่าวต่ออีกว่า หลายคนเมื่อมีเหตุก็จะหงายการ์ดว่าเป็นผู้บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขทางกฎหมายของผู้พิการ ผู้ป่วยหรือบุคคลพิเศษ ทั้งนี้ผู้ปกครองที่มีสิทธิ หน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องดูแลและคุ้มครอง จะต้องดูแลและไม่ปล่อยให้เขามาใช้ชีวิตในสังคมที่ปกติแล้วเกิดอันตราย เกิดเหตุการณ์แบบนี้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง คนที่ดูแลจะต้องรับผิดชอบ ในความเสียหายที่เกิดขึ้น จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น