วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567

 นนทบุรี ต่อข่าว บรรยากาศงานศพเหยื่อสามีโหด ขณะแม่โต้ลูกสาวไม่ได้คบชู้ สาปแช่งให้ตายในคุก





ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังศาลา รวมใจ วัดเรืองเวชมงคล ต.บ้านใหม่  อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  จัดพิธีสวดอภิธรรมศพของนางดุษฎี เรียงภวา อายุ 38 ปี  โดยบรรยากาศภายในงานศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตพร้อมเหล่าบรรดาญาติพี่น้อง ต่างเดินทางทยอยมาร่วมพิธีรดน้ำศพ และฟังสวดอภิธรรมเป็นคืนแรก  ทางด้านแม่ผู้เสียชีวิต และลูกๆ ทั้ง 4 คน ของผู้เสียชีวิต ได้หลั่งน้ำตาโอบกอดลูบมือโอบกอดแม่เป็นครั้งสุดท้าย โดยกำหนดการสวดอภิธรรมจะสวดทั้งหมด 1 คืน ในวันพรุ่งนี้จะนำศพฌาปนกิจเวลา 16.00 น





นางยุพิน จุ้ยงาม อายุ 67 ปี ผู้เป็นแม่ผู้เสียชีวิตอยู่ในอาการโศกเศร้าอย่างมาก ก่อนเปิดเผยทีมข่าวว่า ลูกสาวคบหารักกับผู้ก่อเหตุมานานกว่า 14 ปี โดยพบรักกันที่เรือนจำฯ ไม่ได้พบกันที่ตลาด สาเหตุเพราะตนเองมีลูกชาย ซึ่งเป็นพี่ของลูกสาวต้องโทษคดีอยู่ในเรือนจำ และมีการเดินทางไปเยี่ยมเยียนจึงได้ไปเจอกับผู้ก่อเหตุ ต่อมาทางครอบครัวทราบแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็เห็นว่าทั้งคู่รักกัน และทางครอบครัวก็สนับสนุนลูกในการสร้างเนื้อสร้างตัวมาโดยตลอด จนกระทั่งมีมรดกหนึ่งก้อนก็ยกให้และนำมาสร้างบ้านหลังที่อยู่ในปัจจุบัน โดยที่ฝ่ายชายไม่ได้มีทรัพย์สมบัติใด ๆ แต่ฝ่ายชายมีประวัติก่อเหตุอาชญากรรมหลายคดี และตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน มักมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับลูกสาว รวมถึงลูกติดของตน ฝ่ายชายยังติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้านในจุดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งตนเคยตำหนิว่า "ติดไว้ดูตูดกูรึไง" แต่ฝ่ายชายกลับตอบว่า "ติดไว้เล่นๆ" ครอบครัวจึงปล่อยผ่าน






นางยุพิน กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ฝ่ายชาย กล่าวหาว่าลูกสาวคบชู้  ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งฝ่ายชายหลอนไปเองจากการเสพสารกระตุ้นบางชนิดที่สั่งซื้อจากเพื่อนมาส่งถึงบ้าน แม้ตำรวจตรวจสอบแล้วไม่พบสารเสพติด แต่ตนยังคงเชื่อว่าเขาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด  ตนอยากให้มันตายในคุก เพราะคนแบบนี้สร้าง ปัญหามาตลอด ฉันกังวลว่าเขาอาจหาทางรอดจากคดีเพราะเขาเคยต้องโทษหลายครั้งและรู้ช่องโหว่ นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืนหลายกระบอก แต่ไม่เคยรู้ว่าน ฮอนไว้ที่ใด






ด้านนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิตเผยว่า  ก่อนเกิดเหตุพ่อเลี้ยงมาดูลาดเลา ที่ประตูว่าแม่อยู่ไหมแล้วให้น้องสาวคนเล็กอายุเพียง 7 ขวบ ก็คือลูกแท้ๆของตัวเขาเองไปเคาะประตูเรียกแม่ จากนั้นพ่อเลี้ยงเอาผ้าคลุมปืนแล้ว เดินเข้าไปคว้าคอแม่ จากนั้นเอาปืนยิงจ่อหัว จนแม่ล้มลงต่อหน้าลูก ซึ่งตอนนั้นน้องชายคนรองสุดท้ายอายุ 11 ปี ก็อยู่ในบ้านเช่นกัน ต่อมาน้องๆก็มาเคาะประตูเรียกตนว่าแม่โดนยิง ตอนนั้นตนเห็นแม่ยังหายใจ ตนพยายามจะตั้งสติแต่พ่อเลี้ยงกลับบอกตนด้วยความสะใจว่า "กูยิงแม่มึงตายแล้ว" ซึ่งพ่อเลี้ยงนั้นเดินถือปืนไปมา ตนรู้สึกกลัวมากรีบวิ่งออกไปหาคนมาช่วย หลังจากนั้นเขาบอกอีกว่า “มึงไปเรียกตำรวจมากูฆ่าแม่มึงตายแล้วกูยอมให้ตำรวจจับ”  คนแถวนั้นก็ช่วยกันเรียกตำรวจมาที่เกิดเหตุ และแจ้งรถพยาบาล


นายเอ กล่าวต่อว่า ตนรู้มาว่าเขากินยาเหมือนยาจิตเวช มาขอเงินเสพยาและขอเงินกินเหล้า แม่จะขออย่าแต่เขาไม่ยอม แม่ตนเคยบอกต่อหน้าเขาว่ามีผู้ชายคนใหม่ ซึ่งตนคิดว่าแม่ประชดเพราะอยากเลิก ทำให้มีปากเสียงกัน ตอนยิงข้างนอกจะไม่ได้ยินเสียงปืน  ก่อนหน้านี้พ่อเลี้ยงคนนี้ทำตัวดีมากช่วยกันหาเงินจากคนที่ไม่มีอะไรเลยจน ฐานะกลับดีขึ้นตอนหลังทำตัวเหลวแหลกหายามาเสพทำให้ทะเลาะกันบ่อย พ่อเลี้ยงอยู่กับแม่มานานกว่า 10 ปีแล้ว


ด้านนางสางวรรณราศี พัชรไพทูล อายุ 38 ปี เพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า มีการพูดคุยกันมาตลอดว่าอยากเลิกกับผู้ชายคนนี้รับไม่ได้กับสามีที่ไม่เคยช่วยทำมาหากินแม่ก็ป่วยไหนจะลูกต้องเรียนอีก 3 คน ตลอดเวลาที่ทำมาหากินลูกชายคนกลางต้องช่วยแม่ล่องของเองไปซื้อของที่ตลาดไทเองขายเอง ซึ่งผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านเล่นยา หลอนยาไปขับมอเตอร์ไซค์เกิดอุบัติเหตุผ่าตัดที่กาม ส่วนยาชื่อยากาแรมเป็นยาที่ใช้กับผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปติดคุกมาเกิดอุบัติเหตุเรื่องรถ หลังจากนั้นกลับมาก็ติดยาตัวนี้จะด่าเมียด่าลูก ทั้งที่เพื่อนตนเป็นเสาหลักผู้ชายไม่เคยให้สิ่งดีๆ ตอนลูกเกิดอุบัติเหตุปล่อยให้เพื่อนของตนเผชิญปัญหาชีวิตทุกอย่างคนเดียว เขามีปฏิกิริยากับลูกติดไม่อยากให้อยู่ร่วมกัน จะอารมณ์เสียใส่เพื่อนของตนตลอดเวลาบางทีเพื่อนของตนร้องไห้จนไม่รู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า ลูกๆทุกคนช่วยกันทำมาหากินเอาเงินเก็บมาลงทุนขายของ ส่วนผู้ชายไม่เคยทำอะไรเลยระแวงว่าเมียจะไปมีคนอื่น เพื่อนตนขอหย่าหลายครั้งก็ไม่ยอม 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น