นนทบุรี วงจรปิด แก๊งต่างชาติอาละวาด ตะเวนใช้แบงก์พันหลอกซื้อของฉกเงินทอน โชคดีเจ้าของร้านไหวตัวทัน
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด พร้อมระบุข้อความว่า “เตือนภัย ระวังแก๊งยื่นแบงก์พัน ชักเข้า-ชักออก (คนแขก) วานนี้ประมาณ 1 ทุ่ม ได้มีชาวต่างชาติได้มาซื้อของ 88 บาท จ่ายเงินด้วยแบงก์ 1,000 บาท ทอนเงินเสร็จเรียบร้อย มันเดินกลับมาแล้วบอก 50 บาท ร้านก็บอกไปว่าราคา 88 บาท มันก็บอกว่าไม่เอาแล้วมันก็ขอเงินมันคืน แล้วมันก็จะขอซื้อใหม่ ร้านเลยบอกไม่มีสิ่งที่มันต้องการ มันก็เดินออกจากร้านไป พิกัดหมู่บ้านพรไพศาล ซ.สุขาประชาสรรค์ 3 ร้านค้าโปรดระมัดระวังกันด้วย บังเอิญว่าเคยเห็นโพสต์ให้ระวังพวกคนแขก เลยทำให้ยิ่งระวังมากขึ้น”
ภาพจากกล้องวงจรปิด เวลา 19.09 น. วันที่ 10 ธ.ค. 67 จับภาพมิจฉาชีพชาย 1 ราย รูปร่างสูง สมส่วน สวมเสื้อโปโลคอปกสีเทา ใส่กางเกงขายาวสีน้ำตาล คาดผม เดินเข้ามาในร้านขายข้าวสาร-อาหารสัตว์ และทำทีขอซื้อข้าวสาร 2 กิโลกรัม ยื่นแบงก์พันจ่ายให้เจ้าของร้าน และรับเงินทอน ก่อนจะเดินออกจากร้านไป จังหวะนั้นมิจฉาชีพได้เปลี่ยนใจเดินย้อนกลับมายื่นโทรศัพท์มือถือในมือให้กับเจ้าของร้านดู และวางเงินทอนไว้บนโต๊ะ มีการพูดคุยต่อรองราคาข้าวสารกัน ว่าจะขอซื้อ 2 กิโลกรัมในราคา 50 บาท แต่เจ้าของร้านบอกว่ากิโลกรัมละ 44 บาท ถ้าจะซื้อ 2 กิโลกรัม ต้องจ่ายเงิน 88 บาท ระหว่างนั้นมิจฉาชีพได้ยื่นเงินทอนคืนให้เจ้าของร้าน บอกว่าไม่เอา และไปหยิบถุงไข่ต้มเพื่อขอซื้อในราคา 50 บาท เจ้าของร้านจึงรับเงินทอนมานับก่อนจะคืนแบงก์พันกลับไปให้กับมิจฉาชีพ และปฏิเสธการขาย ซึ่งมิจฉาชีพก็ได้เดินออกไปจากร้านไป
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 67 ทีมข่าวลงพื้นที่บริเวณร้านข้าวข้าวสาร-อาหารสัตว์แห่งหนึ่ง ภายในซอยสุขาประชาสรรค์ 3 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับน.ส.ฐิตารีย์ จิรฐาไกรสิน อายุ 29 ปี ลูกสาวเจ้าของร้าน (ผู้โพสต์) กล่าวว่า เมื่อวานนี้ประมาณ 1 ทุ่ม เห็นผู้ชายลักษณะเหมือนแขกขาวเดินเข้ามาในร้าน ตนรู้สึกหน้าคุ้น จึงเริ่มสังเกตและระวังตัว ซึ่งชายคนดังกล่าวที่คาดว่าเป็นมิจฉาชีพได้พูดภาษาอังกฤษตลอดเวลา และขอซื้อข้าวสาร 2 กิโลกรัม ราคา 88 บาท จากนั้นได้เดินออกไปและกดเครื่องคิดเลขก่อนจะเดินย้อนกลับยื่นให้ดู ตนจึงแจ้งว่าราคาของ 88 บาท ไม่ใช่ 50 บาท ซึ่งตอนนั้นคิดว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นมิจฉาชีพแน่ๆเพราะเคยเห็นข่าวแถวปากเกร็ดนี้ ระหว่างน้้นตนจึงสังเกตอาสาวที่ยืนอยู่ตรงลิ้นชักเงินว่าอยากให้ตนช่วยเหลืออะไรไหม ได้ยินเสียงคุยกันว่าขอคืนเงิน พยายามจะขอซื้อของในราคา 50 บาท และหยิบถุงไข่ต้มของตนที่วางไว้หน้าโต๊ะด้วย ตนจึงเดินมาหาอาสาว และปฏิเสธไม่ขายของให้ พร้อมรับเงินทอนมานับและคืนแบงก์พันไป โชคดีที่ร้านตนไม่ได้มีของเยอะ ไม่คิดว่าร้านตนจะโดน ซึ่งลักษณะของคนร้ายจะคล้ายกับพวกบังกลาเทศ ไม่ใช่คนผิวขาว อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป แต่งตัวธรรมดา คิดว่าคงมาหลายคนแต่เดินเข้ามาในร้านคนเดียว ส่วนคนอื่นคงไปก่อเหตุที่ร้านอื่น โชคดีบ้านตนเป็นคนชอบดูข่าว และขณะเกิดเหตุพยายามมีสติอยู่ตลอด คอยสังเกตุคนที่เป็นลูกค้าขาจร อยากเตือนร้านค้าทุกร้านให้ระมัดระวัง และเป็นหูเป็นตาให้กัน ซึ่งตนไม่ได้แจ้งความเพราะไม่ได้เสียหายอะไรแต่อยากออกมาเตือนภัยให้เพราะพ่อค้าแม่ค้าระวังตัว
ด้านน.ส.ตุ๊กตา อายุ 59 ปี อาสาว กล่าวว่า ตนค้าขายมานานแล้ว และเรื่องการดึงเงินเข้า-ออก มันก็มีมานานแล้ว ตนเพิ่งดูข่าวแล้วจำได้ว่าเพิ่งมีเหตุการณ์แบบนี้ในละแวกปากเกร็ด และเป็นแขกขาวเหมือนกันจึงได้ระวังตัว คิดว่าต้องเป็นคนนี้แน่นอน ตอนแรกที่รับเงินมาและนำไปส่องดูว่าแบงก์ปลอมหรือไม่ยังไม่ได้คิดว่าเป็นมิจฉาชีพแต่พอมิจฉาชีพเดินย้อนกลับมาคืนเงิน ตนจึงพยายามมีสติและนับเงินทอนให้ครบก่อนที่จะคืนแบงก์พันให้กับมิจฉาชีพไป จึงไม่ได้เสียเงิน แต่ลักษณะมิจฉาชีพค่อนข้างที่จะจู่โจมเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะเก็บเงินเลย คิดว่าหากอยู่คนเดียวคงลำบาก แต่คุยกันไว้ในบ้านแล้วว่าหากมีลูกค้าที่มีพฤติกรรมจะซื้อไม่ซื้อให้ปฏิเสธการขายไป ถ้าดูลังเลก็ไม่ขายดีที่สุด คิดว่าคดีนี้คงตามจับตัวคนร้ายได้ไม่ยากเพราะเห็นหน้าชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น