5เดือนคดีไม่คืบ เหยื่อบุกจี้ บิ๊กต่าย เอาผิด15ตำรวจภาค7
/////
สาวธุรกิจขนส่งเอกชนภาคใต้พร้อมที่ปรึกษา ก.ตร.สมุทรปราการ บุกร้อง ผบ.ตร.เร่งรัดสั่งการกรณีถูกตำรวจภาค7 รวม15นาย บุกจับกุมใช้อาวุธปืนทำร้ายกลางปั๊มน้ำมัน อ้างนายสั่งมา แจ้งความผ่านมา5เดือน เงียบเป็นเป่าสาก !!
น.ส.จุฑารัตน์ เพชรรักษ์ อายุ 49 ปี เจ้าของผู้ประกอบการขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในภาคใต้ และนายชาติ แก้วตาทิพย์ อายุ 53 ปี ที่ปรึกษา ก.ตร.จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วยผู้เสียหายรวม 4 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมและให้สั่งการเร่งรัดตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจภูธรภาค7ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ หลังจากที่ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบ จับกุมตัวกลางปั๊มน้ำมันในจังหวัดราชบุรี จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ หลังจากเข้าแจ้งความมา 5 เดือนแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้า โดยมีภาพคลิปวงจรปิดหลักฐานชัดเจน
น.ส.จุฑารัตน์ฯ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวได้มีการพูดคุยและตกลงกับผู้เช่าว่านำรถมาคืนและรับเงินค่าเยียวยาที่ถูกยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดเป็นจำนวน 350,000 บาท ที่ร้านกาแฟภายในปั้ม ซึ่งขณะนั้นก็ได้มีการตรวจเอกสาร ก่อนจะออกจากร้านกาแฟมาตรวจรถและส่งมอบรถพร้อมกุญแจ และเซ็นเอกสารที่ท้ายรถสิบล้อคันดังกล่าว ซึ่งจอดหน้าปั๊ม โดยทางผู้ให้เช่า ได้มีการจ่ายเงินโดยโยนเงินใส่ที่ตักให้ 200,000 บาท ส่วนอีก 150,000บาท เนื่องจากตนเองทำธุรกิจกับคู่กรณีมานานจึงยอมให้ผ่อนจ่าย3เดือนก็ได้ จากนั้นผู้ให้เช่าได้มีการชักชวน เรียกให้ตนนับเงินที่ท้ายรถเก๋งภายในปั้ม ตนก็ปฏิเสธบอกว่าไว้ใจไม่นับก็ได้แต่ผู้ให้เช่าก็ยืนยันจะให้ตนนับเงิน ตนจึงเดินตามมานับเงินที่ท้ายรถเก๋ง ขณะที่นับเงินอยู่ที่ท้ายรถเก๋งคันดังกล่าว จู่ๆก็มีชายฉกรรจ์ ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นตำรวจเดินมาจับกุมและล็อคคอใส่กุญแจมือกดลงกับพื้นจนได้รับบาดเจ็บ โดยไม่มีการแสดงหมายค้นหรือหมายจับ พฤติกรรมที่กระทำกับตนเองเหมือนเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง อีกทั้งยังอ้างว่าทำไปตามคำสั่งของผู้บัญชาการ ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นใคร ทำไมถึงยิ่งใหญ่กันซะเหลือเกินสั่งให้จับกุมทำรุนแรงกับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งที่เป็นการคืนรถตามปกติ หลังเกิดเหตุตนเองและผู้เสียหายได้ไปร้องเรียนตำรวจภูธรราชบุรี , ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมและตำรวจภูธรภาค 7 แต่ผ่านมา 5 เดือนเรื่องเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเหตุการณ์ใดๆกับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวอีกทั้งผลสอบวินัยของตำรวจภูธรภาค7 ออกมาว่าตำรวจทั้งหมดไม่มีความผิดใดๆยังคงปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ ซึ่งหากปฎิบัติหน้าที่ได้ดีวันนี้ตนเองคงไม่มายืนอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และจากนี้จะไปร้องที่กระทรวงยุติธรรม และสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าตนเองจะสู้จนถึงที่สุดในการที่ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย
ด้าน นายชาติฯกล่าวว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่ถูกจับกุมใส่กุญแจมือ กดหัวลงกับพื้น เหยียบทับบริเวณเอวจนบาดเจ็บ ทำการจับกุมอย่างโหดเหี้ยมเหมือนเป็นนักโทษค้ายาเสพติดและไม่ได้แจ้งว่าเป็นตำรวจ แต่ไปทราบเมื่อถูกนำตัวไปที่ สภ.ปากท่อ ทั้งที่ตนเองไม่ได้ทำผิดไม่ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี โดยชุดจับกุมแจ้งว่าจะดำเนินคดีแค่ น.ส.จุฑารัตน์ฯคนเดียว แต่กลับใส่กุญแจมือนานกว่า 2 ชม.จึงไปแจ้งความเอาผิดชุดจับกุม 15 นาย เป็นตำรวจนครปฐม 7 ราย และราชบุรี 8 ราย แต่คดีไม่คืบหน้า จึงอยากให้ ผบ.ตร.เร่งรัดคดีดังกล่าว พร้อมระบุตนเป็นที่ปรึกษา ก.ตร.สมุทรปราการ ทำงานร่วมกับตำรวจมา 10 กว่าปี ไม่เคยเจอกับตัว วันนี้ตำรวจม่จับกุมมาทำร้าย ทำให้รู้สึกหมดศักดิ์ศรีเพราะตนเองทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของตำรวจที่ประพฤติมิชอบ แต่วันนี้ถูกตำรวจกระทืบขอความเป็นธรรมกับ ผบช.ภ.7 ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
/////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น