นนทบุรี คืบหน้า ทนายโป้ง ชี้พระแกล้งพิการเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.เรี่ยไร เร่งตำรวจติดตาม หลังขับรถหนีลอยนวล
จากกรณีที่มีคลิปโซเชียลเผยแพร่ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 โดยพระดังกล่าวแกล้งทำเป็นพิการใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เรี่ยไรเงินจากประชาชน พร้อมมีท่าทีโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ขณะถูกตรวจสอบ ต่อมาพบว่า พระรูปนี้เคยถูกจับสึกเนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเขากลับไปบวชใหม่ที่วัดป่าในจังหวัดหนองบัวลำภู และปรากฏตัวอีกครั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ได้รับแจ้งว่าพระรูปดังกล่าวกลับมาเรี่ยไรเงินอีกครั้ง บริเวณซอยเพชรบุรี 19 โดยใช้เครื่องเสียงเปิดธรรมะเรียกความสนใจ ทราบชื่อชายคนดังกล่าวคือนาย นิพนธ์ อุปถัมภ์ทิพยา อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับที่เคยถูกจับสึกแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปลาสิกขาและเปรียบเทียบปรับในข้อหา “ก่อความเดือดร้อนรำคาญ” ก่อนปล่อยตัวไป
ช่วงเช้าวันนี้ 11 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจภายในหมู่บ้านบัวทองเคหะ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หลังมีการเผยแพร่คลิปอีกครั้ง โดยชายคนดังกล่าวกลับมาที่หมู่บ้านในลักษณะนุ่งขาวห่มขาว ใช้รถกระบะสีเงิน ทะเบียน บษ 3916 กาญจนบุรี มาจอดในซอย และเปิดเครื่องเสียงดังเรี่ยไรเงิน ซึ่งสร้างความรำคาญและทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าพฤติกรรมนี้เสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา
ล่าสุดเวลา 14.00 น. 11 พ.ย.67 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ “ทนายโป้ง” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 7 จังหวัดนนทบุรี ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยกล่าวว่า วันนี้ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดบัวทองเคหะว่าเห็นชายคนดังกล่าวแต่งกายด้วยชุดขาว แกล้งพิการเดินถือบาตรเรี่ยไรเงิน พร้อมเปิดเครื่องเสียงดัง หลังได้รับแจ้ง ทนายโป้งได้ประสานไปยัง พ.ต.อ. พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ซึ่งส่งตำรวจสายตรวจมาที่หมู่บ้าน แต่เมื่อมาถึงชายดังกล่าวได้ขับรถกระบะหลบหนีไปแล้ว
นายเกียรติคุณ หรือทนายโป้ง กล่าวต่อว่า ตนได้ร่วมมือกับเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง พร้อมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุและเส้นทางหลบหนี ทราบข้อมูลทะเบียนรถอย่างชัดเจน และกำลังดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 200 บาท ในกรณีที่มีการข่มขู่หรือคุกคาม อาจเข้าข่ายความผิดที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นชายคนดังกล่าวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น