วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

‘สุพัตรา’ เจ้าของธุรกิจขายน้ำยาง ชี้แจงกรณีโดนกล่าวหาลักทรัพย์นายจ้าง

 


‘สุพัตรา’ เจ้าของธุรกิจขายน้ำยาง ชี้แจงกรณีโดนกล่าวหาลักทรัพย์นายจ้าง




เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 ก.พ.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. 



น.ส.สุพัตรา นามลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.พี.รุ่งเรืองรับเบอร์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด พร้อมที่ปรึกษาบริษัทและทนาย เดินทางเข้าพบ พงส.บก.ปปป.ติดตามความคืบหน้าคดีที่ยื่นหนังสือถึงพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ให้ตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่เอาเลขที่คำขออนุสิทธิบัตรที่ยังไม่ได้รับการประกาศมาร่างใน TOR เป็นการผูกขาดแค่บริษัทเดียวกับงบประมาณพันกว่าล้าน 




พร้อมกันนี้  น.ส.สุพัตรา พร้อมที่ปรึกษาบริษัทฯ ได้ชี้แจงกรณีถูกนักธุรกิจไฮโซหญิง ผู้ประกอบการน้ำยางพารารายใหญ่แจ้งความ พงส.บก.ป.เมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 แล้วมีการให้สัมภาษณ์สื่อฯ พาดพิงให้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ได้รับความเสียหายต่อธุรกิจ ว่า การให้สัมภาษณ์ของนักธุรกิจไฮโซ ให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ประเด็นที่บอกว่าสุพัตราเป็นลูกจ้างไม่เป็นความจริง  เพราะความจริง  ตนเองเปิดบริษัทมาตั้งแต่ปี ส.ค.60 เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เอส.พี.ก่อสร้างรุ่งเรืองฯ ซึ่งเป็นอักษรย่อของชื่อ สุพัตรา โดยเป็นกรรมการผู้จัดการเพียงคนเดียว มีตัวเองกับน้องเป็นผู้ถือหุ้นแค่ 3 คน ยังไม่รู้จักกับไฮโซ คนนี้เลย 




โดยในปี 2560 เริ่มทำถนนต้นแบบยางพาราซีเมนต์ที่เป็นประเด็นกันที่ จ.นครปฐม โดยศึกษา ลงมือทำ จนมีความชำนาญ เมื่อ ม.ค.61  ได้ใบรับรองว่ามีคุณภาพ จากกรมทางหลวง เมื่อ 3 ส.ค.61 

ทำให้สามารถซื้อขายยางกับหน่วยงานของรัฐได้ โดย น.ส.สุพัตรา นามลักษณ์ เป็นคนเซ็นชื่อลงนามคู่สัญญา ไม่ใช่ในนามลูกจ้างตามที่โดนพาดพิงออกข่าวไป การเซ็นเช็คฉบับละ 10 ล้านของ บริษัทโดย น.ส.สุพัตรา ทั้งสิ้นเป็นคนเปิดบัญชีธนาคารเองหมด

เขาได้มาทำงานกับหน่วยงานหนึ่งทำให้รู้จักกับเสธทหาร คนหนึ่งที่แนะนำให้ สุพัตรารู้จักกับไฮโซสาวคนนั้น โดยจ้างให้สุพัตราไปซ่อมบ้านให้ไฮโซสาว




พอไฮโซรู้ว่าสุพัตราจะได้งานจากหน่วยงานทหารเป็นเงินหลายร้อยล้าน ก็อยากจะเข้ามาร่วม ทาง สุพัตราขาดสภาพคล่องขาดเงินสด จึงขอให้ไฮโซหาเงินสดให้ เสธทหาร บอกไฮโซไปหาเงินสดมาให้สุพัตรา 9 ล้านกว่าบาท ซึ่งการได้งานของสุพัตราจากหน่วยทหารเป็นประกัน เมื่อสุพัตราทำงานจบก็คืนเงินที่หยิบยืมไฮโซ มาจนหมด ก่อนจะขอมาร่วมทำงานด้านบัญชีให้  และแนะนำว่าบริษัท เอส พีก่อสร้างรุ่งเรือง ที่แปดริ้วจะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับภาษี แนะนำให้ย้ายเข้ามาใน กทม.จะช่วยดูแลให้ ก่อนนำเอกสารต่างๆ มาให้สุพัตราเซ็นเป็นปึกๆ เลย แถมให้เซ็นชื่อในกระดาษเปล่า 2 ใบเมื่อ 21 ก.ค.61 ด้วย พร้อมอ้างว่าจะเอาไปย้ายที่ทำการบริษัทฯ


1 ส.ค.61 เขาไปย้ายสำนักงานบริษัท มากทม.ให้โดยไม่ได้ใช้เอกสารที่เซ็นชื่อไปเลย กลับไปใช้ลายเซ็นปลอมแทน เชื่อว่าเขาเอาเอกสารที่เซ็นไปทำเรื่องโอนให้เขามาเป็นหุ้นส่วน 


สุพัตรารู้เรื่องเข้าแต่ความเป็นคนที่ไม่อยากมีปัญหากับใคร จึงทำงานกันต่อมา ก่อนไฮโซจะขอบัตรประชาชน 3 คนที่เป็นกรรมการบริษัทไปทำเรื่องภาษี เมื่อ 14 ธ.ค.61 แต่กลับนำเอาบัตรประชาชนไปเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นในระบบอิเลคโทรนิค ของสุพัตราจาก 50% เหลือ 25 % สุพัตรามาทราบเมื่อ 17 ม.ค.63 ก่อนไลน์ไปถามโฮโซ เขาปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เซ็น


ด้วยความที่สุพัตราเป็นคนที่ไม่อยากมีปัญหากับใคร จึงคิดว่าจะออกมาทำเองดีกว่า เป็นคนที่รู้จักและมีลูกค้าในมือเยอะ แต่พอออกมาแล้วก็กลับมีปัญหาอีก ซึ่งได้มีการแจ้งความเรื่องการปลอมแปลงเอกสารในภายหลังไว้แล้ว คดีอยู่ในชั้นสอบสวนส่งอัยการแล้ว


สุพัตรายังโดนแจ้วความคดีลักทรัพย์นายจ้างอีก เงินที่ใช้ไปเปิดบัญชี 1.5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวเอาไปใช้เปิดบัญชีกระแสรายวันและออมทรัพย์ บัญชีละ 1 หมื่นบาท ตั้งแต่ก่อนไฮโซจะเข้ามา เคยบอกให้สุพัตราไปปิดบัญชีเสีย แต่เห็นว่าเล็กน้อยจึงไม่ได้ปิด จนออกจากบริษัทไป คิดได้ว่าเงินของตัวเองชื่อบัญชีตัวเองจึงไปถอนและปิดบัญชีก่อนจะถูกแจ้งจับข้อหาลักทรัพย์ของบริษัท เงินแค่ 1.5 หมื่นบาทถูกตำรวจจับเข้าห้องขังเลยก็ถือว่าเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม


เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยน้ำยา ก็มีเอกสารชี้แจงหมดที่น่าสังเกต ไฮโซรายนี้ได้รับเลือกให้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยการที่เอาคนที่มีส่วนได้เสียเข้าไปแบบนี้ไม่รู้ว่าประเทศชาติจะเป็นอย่างไรต่อไปเพราะมีเรื่องการล็อคสเปคแบบนี้



//////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น