“นครบาลจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 2 คดี”
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก, พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม, พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์, พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. ขอประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร
ผลการจับกุมคดีน่าสนใจ จำนวน 2 คดีดังนี้
คดีที่ 1กรณีจับกุมเครือข่ายลักรถจักรยานยนต์ ผลงาน กก.สส.บก.น.5
พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ผบก.น.5 , พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง , พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ , พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น
พ.ต.อ.กัมปนาท อรุณศีรีโรจน์, พ.ต.อ.ทินกร สมวันดี , พ.ต.อ.ฤทธีปานคำ , พ.ต.อ.ปนาถพล ปุณศรีรอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.จิรกฤต
จารุนภัทร์ผกก.สส.บก.น.5 , พ.ต.ท.พชรชัย ปาณะดิษ , พ.ต.ท.ทองเปลว หาญไพบูลย์, พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ภักดีดินแดน รอง ผกก.
สส.บก.น.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนนครบาล 5 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย
บริเวณหน้า
กองรักษาการณ์กองพันสื่อสาร ที่ 1 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ประกอบด้วย
1.นายพิฆเนศฯ หรือออม อายุ 16 ปี (ลัก จยย.)
2.นายณัฐธัญฯ หรืออั้ม อายุ 21 ปี (ลัก จยย.)
3.นายธวัชชัยฯ หรือไนท์อายุ 16 ปี (ลัก จยย.)
4.นายวีระศักดิ์ฯ หรือเตี้ย อายุ 54 ปี (รับซื้อ จยย.)
5.นางสาวสาธิดาฯ หรือสา อายุ44 ปี (รับซื้อ จยย. ติดต่อขายประเทศเพื่อนบ้าน)
6.นายศาสวัติฯ อายุ 21 ปี (เงินผ่านบัญชี)
พร้อมด้วยของกลาง
1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น WAVE 125 LED สีขาว-แดง ทะเบียน 9กค 7850 กทม. จำนวน 1 คัน
2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น WAVE 110 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน
3.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Kawasaki รุ่น Ksr สีชมพู ดำ หมายเลขทะเบียน 1กฌ 2598 กทม. จำนวน 1 คัน
4.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Yamaha รุ่น Mio สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน
5.รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ Toyota รุ่น Revo สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ฒฬ 631 กทม. จำนวน 1 คัน
6.รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ Iuszu รุ่น Dmax สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 2193 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน
7.รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ Toyota รุ่น Vigo สีขาว หมายเลขทะเบียน กน 5276 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน
โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร” (โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท
ถึงหนึ่งแสนบาท)
ด้วยเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2564 ถึงเดือนมกราคม 2565 ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้ก่อเหตุลัก
รถจักรยานยนต์ ในเขตพื้นที่ บก.น.5 และพื้นที่ต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ จำนวนหลายครั้ง โดยเลือกลักเฉพาะรถจักรยานยนต์
ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด จนทราบว่า
กลุ่มคนร้ายที่ลักรถจักรยานยนต์ จะใช้เส้นทางถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพฯ ในการส่งรถจักรยานยนต์
ที่ลักมาได้ ขายต่อกับผู้รับซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงวางแผนจับกุมคนร้าย โดยวิธีการซุ่มอยู่ บริเวณถนนนางลินจี่ ซึ่งเป็นถนนที่
คนร้ายใช้เป็นเส้นทางผ่านประจำ เมื่อถึงเวลาประมาณ 04.00 น.
ของวันที่ 29 มกราคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น
เวฟ โดยขับขี่ตามกันมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกให้หยุด และขอทำการตรวจสอบ ได้สอบถามทั้ง 2 คนรับว่า
เป็นรถจักรยานยนต์ที่พึ่งลักมาจากพื้นที่ สน.คลองตัน โดยมีผู้ก่อเหตุครั้งนี้ อีก 2 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถ
ติดตามจับกุมได้อีก 1 คน หลบหนี 1 คน สอบถามรับว่า รถจักรยานยนต์ที่ลักมาได้ดังกล่าว นั้น กำลังจะนำมาส่งขายให้กับ
นางสาวสาธิดาหรือสาฯ (จับกุมแล้ว) และนายวีระศักดิ์หรือ เตี้ย (จับกุมแล้ว) ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ในการติดต่อซื้อขายนั้น
นายธวัชชัยหรือไนท์ฯ และนายต้าฯ (ออกหมายจับแล้ว) จะเป็นผู้ติดต่อกับ นางสาวสาธิดาหรือสาฯ และนายวีระศักดิ์โดย
ขายได้ในราคาคันละประมาณ 12,000 – 16,000 บาท แล้วแต่ความเก่า-ใหม่ ของรถจักรยานยนต์ที่ลักมาได้
จากการสืบสวนขยายผล ทราบว่ากลุ่มคนร้ายลักรถจักรยานยนต์มีทั้งหมด จำนวน 12 คน คือ
1. นายธวัชชัยฯ หรือไนท์ อายุ 16 ปี (ถูกจับแล้ว)
2. นายพิฆเนศฯ หรือออม อายุ 16 ปี(ถูกจับแล้ว)
3. นายณัฐธัญฯ หรืออั้ม อายุ 21 ปี (ถูกจับแล้ว) (จำนวน 2 หมาย)
4. นายแอล อายุ 17 ปี (อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม)
5. นายต้า อายุ 22 ปี (ออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม) (จำนวน 4 หมาย)
6. นายเบ้นซ์ อายุ 25 ปี (ออกมายจับแล้ว อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม) (จำนวน 1 หมาย)
7. นายบอล อายุ 27 ปี (อยู่ระหว่างสืบสวนออกหมายจับ)
8. นายวีระศักดิ์ฯ หรือ เตี้ย อายุ 54 ปี (จับกุมแล้ว) (จำนวน 4 หมาย)
9. นางสาวสาธิดาฯ หรือสา อายุ 44 ปี (จับกุมแล้ว) (จำนวน 4 หมาย)
10. นายชลธารฯ อายุ 21 ปี(อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม) (จำนวน 1 หมาย)
11. นายศาสวัติฯ อายุ 21 ปี(จับกุมแล้ว) (จำนวน 1 หมาย)
12. นางสาวชุลีพรฯ อายุ 24 ปี (ออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม) (จำนวน 2 หมาย)
โดยกลุ่มคนร้ายจะสลับกันไปลักตามพื้นที่ต่างๆ โดยจะลักได้เฉลี่ย 2-4 คัน/คืน เมื่อลักได้จะนำมาขายให้กับ
นางสาวสาธิดาหรือสาฯ และนายวีระศักดิ์ฯ หรือ เตี้ย ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่ง จะนำไปขายในเพจเฟซบุ๊ก โดย นางสาธิดาฯ
จะเป็นผู้ติดต่อส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และยังรับว่า ในห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มของคนร้ายตระเวนลัก
รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คันในหลายพื้นที่ จากนั้นจึงชุดจับกุมจึงได้บันทึกจับกุม และนำ
ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 กรณีจับหนุ่มออฟฟิศปลอมแผ่นป้ายภาษีรถ ใบขับขี่และบัตรประชาชน จำหน่ายผ่านสื่อโซเชียล
พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6,พ.ต.อ.เกียรติกุล สนธิเณร รอง ผบก.น.6, พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ
รอง ผบก.น.6 สั่งการให้พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.6,พ.ต.ท.วิสิทธิ์ สายบัวทอง รอง ผกก.สส.บก.น.6
พ.ต.ต.ชูชีพ วงษ์บุญเพ็ง สว.กก.สส.บก.น.6 สืบสวนการกระทำความผิด ทางสื่อโซเชียล จนสามารถจับกุม นายณัฐฉัตร สงวน
นามสกุล อายุ37 ปีในความผิดฐาน “ปลอมเอกสารราชการ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่
ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
ตามหมายจับศาลอาญาที่ 176/2565 ลงวันที่ 2 ก.พ. 65 บริเวณ ซ.ราชวิถี 1 ถ.ราชวิถี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพฯ ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 134 ซ.วัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 10/168
ซ.เพชรเกษม 110 แยก 14 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ
พร้อมด้วยของกลางดังนี้
1. กระดาษป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี แบบยังไม่ได้พิมพ์ จำนวน 226 ใบ
2. กระดาษป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี แบบพิมพ์แล้ว จำนวน 17 ใบ
3. บัตรแข็งสำหรับพิมพ์บัตรประชาชน จำนวน 13 ใบ
4. บัตรแข็งสำหรับพิมพ์ใบขับขี่ จำนวน 8 ใบ
5. คอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คยี่ห้อ Lenovo จำนวน 1 เครื่อง
6. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 1 เครื่อง
7. เครื่องพิมพ์ จำนวน 4 เครื่อง
จากการสอบถาม นายณัฐฉัตรฯ ให้การรับสารภาพว่า ตนทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งนึง ดูแล
เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วได้มีผู้มาชักชวนให้ตนร่วมขบวนการทำแผ่นป้ายภาษีรถ ใบขับขี่ และบัตร
ประชาชนปลอม เนื่องจากตนมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ โดยลูกค้าจะติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค กำหนดราคาแผ่น
ป้ายภาษีรถปลอม แผ่นละ 2,300 บาท บัตรประชาชนและใบขับขี่ปลอม ใบละ 8,000 บาท เฉลี่ยแล้วมีผู้มาติดต่อให้ทำเดือน
ละประมาณ 300 ราย มีรายได้เฉลี่ยหลักแสนบาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงาน
สอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและจะได้ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้เน้นย้ำเพื่อให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า จะมุ่งเน้น การป้องกัน
อาชญากรรม ให้กับพี่น้องประชาชน และเมื่อเกิดเหตุแล้วจะเร่งทำการ สืบสวน ติดตามจับกุม คนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วทุกคดี
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างเคร่งครัด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำ
ความผิด โปรดแจ้งสายด่วน ๑๙๑ หรือสถานีตำรวจท้องที่
ตี๋สมเด็จ/รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น