วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562
‘อดีตตร.ชะอำ’ ร้องให้เจ้าหน้าที่รังวัดไปวัดที่. พร้อมสื่อมวนชนลงพื้นที่ มีเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอำ รองผอ.กองช่างเทศบาลตำบลบางเก่า อ.ชะอำ และคณะเดินทางมาที่ บ้านเกตุ หมู่ 7 ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เข้าตรวจสอบสภาพพื้นที่ดินหลังได้รับการร้องเรียนจาก จ.ส.ต.ปพน มีจิตต์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/4 ถ.ราชพลี 1 ต.ชะอำ อ.ชะอำ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีที่ดินซึ่งได้รับกรรมสิทธิ์จากบรรพบุรุษและมีเอกสารสิทธิ์ สค.1 ถูกต้อง แต่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็น น.ส.3 หรือโฉนดที่ดิน เนื่องจากการดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ จนปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวถูกครอบครองโดยผู้อื่นออกเป็นโฉนดที่ดินจำนวนมาก
จ.ส.ต.ปพน เปิดเผยว่า ที่ดินดังกล่าวเมื่อ พ.ศ. 2470 นายชม มีจิตต์ ซึ่งเป็นคุณตาทวดของตนได้รับมรดกมาจากบรรพบุรุษที่ทำกินมานานต่อเนื่องกว่า 60 ปี รวมจำนวน 120 ไร่ ตั้งอยู่ที่บริเวณ หมู่ 7 ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และมีการเสียภาษีบำรุงท้องที่อย่างต่อเนื่อง และมีใบแจ้งครอบครองที่ดิน สค. 1 เลขที่ 92 เนื่องจากเป็นบุคคลทำกินอยู่ก่อน พ.ร.บ.กฏหมายที่ดินเป็นหลักฐาน ต่อมาปี 2516,2517,2518 และ 2520 นายชม ไปขอรังวัดออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ปรากฏว่านายอำเภออำเภอชะอำ ในขณะนั้นได้คัดค้านและไม่อนุญาตให้จับจอง อ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นทางและพื้นที่สาธารณะประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้เป็นทางเดินและเลี้ยงสัตว์ไม่สามารถจับจองได้ นายชมจึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมในสมัย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมทย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และมีคำสั่งให้มีการออก นส.3 ให้ผู้ร้อง แต่ปรากฏไม่มีการดำเนินการออก นส.3 ให้ผู้ร้อง ตามคำสั่งนายกแต่อย่างใด
ต่อมาปี 2525 นายชม ทำเรื่องฟ้องกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อำเภอชะอำ แต่ต่อมาปี 2526 ได้มอบอำนาจให้กับบุตรเป็นผู้ยื่นถอนฟ้องในคดีดังกล่าว และนายชมเสียชีวิตในปีเดียวกัน ซึ่งก่อนเสียชีวิตนายชมได้ร้องเรียนขอสิทธิความเป็นธรรมอย่างต่อเนื่องในหลายหน่วยงานของภาครัฐเพื่อให้ได้สิทธิในที่ดินของตน ปรากฏว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวได้มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 6 ม.ค.2533 สั่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดให้มีการรังวัดและพบว่าพื้นที่ทั้งหมดตาม ใบ สค. 1 มีจำนวนจริง 118 ไร่ 3 งานและต่อมาปี 2533 นายนิวัฒน์ สวัสดิ์แก้ว ในอำเภอชะอำในขณะนั้นได้เรื่องฟ้องนายวิศิษฐ์ มีจิตต์ นางฉะอ้อน มีจิตต์ และนางเอื่อน โตสุวรรณ์ ทายาทของนายชม ฐานความผิดที่ดินอันเป็นสาธารณะของแผ่นดินโดยตรวจสอบพื้นที่พิพาทและพื้นที่ข้างเคียง รวม 125 ไร่ว่าเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์หรือไม่ ศาลชั้นต้นวินิจฉัย เป็นพื้นที่สาธารณะจำนวน 79 ไร่ 2 งาน 99 ตารางวา นายนิวัฒน์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล และยื่นฏีกา กระทั่งปี 2555 ศาลฏีกามีคำสั่งยกฟ้อง เนื่องจากนายอำเภอชะอำ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะอำเภอชะอำไม่ใช่นิติบุคคล คำฟ้องฟ้องเกินกฎหมายกำหนด 60 วันตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ดินดังกล่าวบรรพบุรุษของนายชมใช้ประโยชน์มาอยู่จริง และ ที่ดินสาธารณประโยชน์ซึ่งอำเภอชะอำกล่าวอ้างเป็นเหตุผลคัดค้านการออกโฉนด ไม่ได้มีการประกาศอยู่ในพระราชกิจจานุเบกษา จึงไม่มีผลตามกฏหมาย
จ.ส.ต.ปพน มีจิตต์ กล่าวต่อไปว่า ต่อมาประมาณปี 2558 ตนได้รับมอบอำนาจกรรมสิทธิ์มรดกที่ดินทั้งหมดจึงได้ร้องเรียนไปที่สำนักงานนายกรัฐมนตรี ศูนย์ดำรงธรรม ประธานศาลปกครอง และประธานศาลฎีกา ตลอดจนกระทรวงยุติธรรม ขอให้ ตรวจสอบและรื้อฟื้นกรณีดังกล่าวขึ้น ซึ่ง หน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนได้มีการส่งเรื่องไปให้กรมที่ดินตรวจสอบในปี 2558 แต่ปัจจุบันยังไม่มีการรังวัดหรือดำเนินการใดๆเพิ่มเติม ต่อมาปี 2559 หน่วยงานที่ได้รับร้องเรียนมีการส่งเรื่องไปที่ DSI ขอให้ตรวจสอบ จนเป็นที่มาของการตรวจสอบข้อเท็จจริงวันนี้
"พื้นที่นี้เป็นพื้นที่มรดกซึ่งตนได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษ แต่ได้รับการกลั่นแกล้งกีดกันไม่ยอมออกโฉนดให้ทั้งทั้งที่มีสิทธิ์และเอกสารถูกต้องทุกอย่าง บรรพบุรุษตนได้ร้องเรียนเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัย ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมเครื่องนี้มานานกว่า 50 ปี ครั้งนี้ตนซึ่งเป็นผู้รับมรดกจึงขอทวงคืนสิทธิ์ของตน และร้องขอความเป็นธรรม ขอให้รื้อฟื้นคดีทั้งหมด และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการที่ดินแปลงนี้ว่ามีการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรมหรือไม่ หากเป็นการดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ดำเนินการเพิกถอน และคืนสิทธิ์ให้กับตน ตลอดจนดำเนินการให้พื้นที่ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเอกสารครบถ้วนเป็นสิทธิ์ของตนซึ่งมีสิทธิ์ตามกฎหมายทุกประการ” จ.ส.ต.ปพน กล่าว
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2562
สมาคมชาวจังหวัดกระบี่ กรุงเทพฯได้กำหนดการจัดงาน "รวมพลคนกระบี่ ครั้งที่ 1" จัดโดยนายสถิตย์ ตันตาปกุล นายกสมาคมชาวจ.กระบี่ และนายอภิชาติ โรจน์สราญรมย์ อดีตนายกสมาคมจ.กระบี่ พ.ต.ท.สมชาย ขอค้า ประธานชมรมชาวใต้จ.สมุทรสาคร เป็นคนกระบี่
3 ผู้ยิ่งใหญ่จังหวัดกระบี่ เชิญชวนพี่น้องชาวกระบี่ทุกท่าน มาพบปะสังสรรค์กัน และร่วมประทานอาหาร 5 ดาวจากจ.กระบี่
อาหารนานาชาติ ซีฟู๊ด พร้อมรับการแสดงต่างๆ จากนักร้องชั้นนำ ในวันที่ 20 เมษายน 2562 ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์
วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562
ม.กรุงเทพธนบุรี ทุ่ม 111 ล้าน ติดตั้งโซล่าเซลล์ ช่วยประหยัดพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน ผลิตพลังงานสะอาด
ม.กรุงเทพธนบุรี จับมือ บ.อาเซียนโซล่าร์ จก. ลงนามสัญญาการจัดการพลังงานด้วยระบบผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์
ลดภาวะโลร้อน ผลิตพลังงานสะอาด มาใช้ในมหาวิทยาลัย
วันที่ 19 มีนาคม 2562 เวลา 13.00 น
ณ ห้องรับรองชั้น 4 อาคาร Sport Complex มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนากรุงเทพมหานคร
ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุลอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี พร้อมด้วยนายประมวล บุตรดา ผู้บริหารบริษัท เอเซียนโซล่าร์ จำกัด ได้ทำพิธีลงนามสัญญาการจัดการพลังงานด้วยระบบผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ระหว่างมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีโดยดรบังอรเบ็ญจาธิกุลกับบริษัท เอเซี่ยนโซล่า จำกัดโดย นายประมวล บุตรดา
และสักขีพยาน ทั้งสองฝ่ายถ่ายภาพร่วมกัน
ผศ.ดร บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีกล่าวว่า มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีมีความมุ่งมั่นตั้งใจและผลิตบัณฑิตออกไปสู่สังคมเพื่อเป็นบุคลากรของประเทศที่มีคุณภาพและมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับในการสร้างสรรค์สังคมจึงเน้นเรื่องการปลูกฝังค่านิยมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยและสังคมโลกแก่นักศึกษาและบัณฑิต ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นปัญหาระดับโลก และเป็นเรื่องที่ประเทศต่างๆทั่วโลกตระหนักและให้ความสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหา
ด้วยเหตุนี้ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย กรุงเทพธนบุรี จึงมีนโยบาย ให้มหาวิทยาลัย๚ เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาโลกร้อน ลดจำนวนปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้น มุ่งเน้นที่ผลิตพลังงานสะอาดเพื่อใช้เองภายในมหาวิทยาลัย จึงได้ร่วมกับบริษัทเอเซียนโซล่าร์ จำกัดติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาของอาคารภายในมหาวิทยาลัย ๚ เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 3 เม็กกะวัตต ์มีมูลค่าการลงทุน 111 ล้านบาท นอกจากทางมหาวิทยาลัย๚ สามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าแล้ว ที่สำคัญยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วยโดยเลือกใช้เทคโนโลยีของประเทศเยอรมันนีทั้งหมดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าสูงสุด
มหาวิทยาลัยเทพชลบุรีเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่เป็นรายแรกของประเทศที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์แล้วยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์รวมทั้งการลงทุนด้านการพลังงานทดแทนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศซึ่งมหาวิทยาลัยมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำพามหาวิทยาลัยไปอีกมิติหนึ่งพร้อมกันนี้จะเปิดศูนย์การเรียนรู้ด้านการพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาและบุคคลภายนอกที่สนใจเรื่องการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
ด้านนายประมวล บุตรดา ผู้บริหารบริษัท เอเซียนโซล่าร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นองค์กรชั้นนำด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ยินดีที่มหาลัยกรุงเทพธนบุรีให้ความไว้วางใจเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา( Solar Rooftop) สำหรับการติดตั้งแผง
Solar Rooftop ขนาด 3 เม็กกะวัตต์ หรือ 8,956 แผงนั้น จะสามารถช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 4 ล้านหน่วยต่อปีหรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของมหาวิทยาลัย๚เทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,600 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าทั้งในแง่ของการประหยัดค่าไฟฟ้า และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย...
วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562
คณะสวดมนต์ชาวอังกฤษ 20 ชีวิตนำโดยท่านเจ้าคุณ ดร.มหาเหลา เดินสายเสริมสร้างสิริมงคล และขจัดปัดเป่าภัยของแผ่นดิน โดยการจัดสวดมนต์เทวดา - มหาสมัยสูตร 3 ประเทศ สิงคโปร์ มาเลเชีย และไทย ในกรุงเทพกำหนดสวด 5 แห่ง จัดพิธีใหญ่ที่ศาลหลักเมืองวันที่ 15 และวัดมหาธาตุวันที่ 16 มีนาคมนี้ มีผู้แทนกว่า 6 ชาติเข้าร่วม
โครงการสวดมหาสมัยสูตรเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินไทย
แถลงข่าว
ชาวพุทธอังกฤษเป็นห่วงไทยจัดสวดมนต์เทวดามหาสมัยสูตรเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน
คณะสวดมนต์ชาวอังกฤษ 20 ชีวิตนำโดยท่านเจ่าคุณ ดร.มหาเหลา เดินสายเสริมสร้างสิริมงคล และขจัดปัดเป่าภัยของแผ่นดิน โดยการจัดสวดมนต์เทวดา - มหาสมัยสูตร 3 ประเทศ สิงคโปร์ มาเลเชีย และไทย ในกรุงเทพกำหนดสวด 5 แห่ง จัดพิธีใหญ่ที่ศาลหลักเมืองวันที่ 15 และวัดมหาธาตุวันที่ 16 มีนาคมนี้ มีผู้แทนกว่า 6 ชาติเข้าร่วม
วันนี้ (13 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ คณะ25 วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทน์ ได้จัดให้มีการแถลงข่าว “โครงการสวดมหาสมัยสูตรเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินไทย” ขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมแถลงข่าวประกอบด้วยพระครูวรปัญญาคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดมหาธาตุฯ เจ้าคณะ 25 พระมหาทวีป กตปุญโญ พระมหาสหรัฐ ธีรยาโน ป.ธ.๘ พระมหาบุญร่วม ปุญญมโน ผู้อำนวยการสถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ พุทธมณฑล (104.25 MHz.) ในฐานะประธานจัดงานในประเทศไทยฝ่ายสงฆ์ นายวุฒิสาร พนารี นายกสมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ (สพวช.) ในฐานนะประธานจัดงานฝ่ายฆราวาส พ.อ.พิเศษ นิพนธ์ ยางงาม รองผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม ที่ปรึกษาโครงการได้ร่วมกันแถลงข่าวความว่า
สืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา และยังคงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดความห่วงใยและวิตกกังวล ในหมู่คณะสงฆ์และชาวพุทธในต่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกห่วงใย และนำความปรารถนาดีและจริงใจ มาช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายให้บรรเทาลง อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ ตามแนวความเชื่อทางพระพุทธศาสนา โดยได้พิจารณาเห็นว่า มหาสมัยสูตร หรือมนต์เทวดา เป็นมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ที่กำเนิดขึ้นจากการร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดของเทวดาจากโลกธาตุทั้ง ๑๐ เพื่อมากล่าวสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายหลังการตรัสรู้ไม่นาน จึงมีความเชื่อว่ามนต์บทนี้จะนำมาซึ่งความดีงามสมดังปรารถนาได้ จึงได้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้น
โครงการนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ ๓ องค์กร ประกอบด้วย องค์กรพระธรรมทูตโลก(WBDO), สถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ พุทธมณฑล (วพช.) และสมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ (สพวช ) โดยผู้ริเริ่มและเป็นประธานโครงการคือ พระราชวิเทศปัญญาคุณ (ท่านเจ้าคุณ ดร.พระมหาเหลา ปัญญาสิริ) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุสหราชอาณาจักร, ประธานดำเนินการในการจัดตั้งองค์การพระธรรมทูตโลก เพื่อจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร,รองประธานปฏิบัติหน้าที่ประธานองค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักรฯ
โดยท่านเจ้าคุณดร.เหลาได้นำคณะสวดมนต์ชาวพุทธอังกฤษรวม ๒๐ คน เดินทางสวดมนต์เทวดา-มหาสมัยสูตร ใน ๓ ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเชีย และไทย ในระหว่างวันที่ ๘-๑๖ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยขณะนี้ในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเชียได้สวดมนต์เสร็จไปแล้ว ด้วยความปิติยินดีอย่างยิ่งของทุกฝ่าย
สำหรับในประเทศไทยท่านเจ้าคุณดร.เหลาและคณะกำหนดเดินทางมาถึงไทยในวันที่ 14 นี้พร้อมด้วยผู้แทนจากประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ สวิส ไอซ์แลนด์ สิงคโปร์ และมาเลเชีย ฯ ในจำนวนนี้มีชาวอังกฤษ ๑๔ คน เป็นนักสวดมนต์ที่ได้รับการศึกษาอบรมและฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ร่วม เดินทางมา
แถลงข่าว
ชาวพุทธอังกฤษเป็นห่วงไทยจัดสวดมนต์เทวดามหาสมัยสูตรเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน
คณะสวดมนต์ชาวอังกฤษ 20 ชีวิตนำโดยท่านเจ่าคุณ ดร.มหาเหลา เดินสายเสริมสร้างสิริมงคล และขจัดปัดเป่าภัยของแผ่นดิน โดยการจัดสวดมนต์เทวดา - มหาสมัยสูตร 3 ประเทศ สิงคโปร์ มาเลเชีย และไทย ในกรุงเทพกำหนดสวด 5 แห่ง จัดพิธีใหญ่ที่ศาลหลักเมืองวันที่ 15 และวัดมหาธาตุวันที่ 16 มีนาคมนี้ มีผู้แทนกว่า 6 ชาติเข้าร่วม
วันนี้ (13 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ คณะ25 วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทน์ ได้จัดให้มีการแถลงข่าว “โครงการสวดมหาสมัยสูตรเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินไทย” ขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมแถลงข่าวประกอบด้วยพระครูวรปัญญาคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดมหาธาตุฯ เจ้าคณะ 25 พระมหาทวีป กตปุญโญ พระมหาสหรัฐ ธีรยาโน ป.ธ.๘ พระมหาบุญร่วม ปุญญมโน ผู้อำนวยการสถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ พุทธมณฑล (104.25 MHz.) ในฐานะประธานจัดงานในประเทศไทยฝ่ายสงฆ์ นายวุฒิสาร พนารี นายกสมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ (สพวช.) ในฐานนะประธานจัดงานฝ่ายฆราวาส พ.อ.พิเศษ นิพนธ์ ยางงาม รองผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม ที่ปรึกษาโครงการได้ร่วมกันแถลงข่าวความว่า
สืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา และยังคงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดความห่วงใยและวิตกกังวล ในหมู่คณะสงฆ์และชาวพุทธในต่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกห่วงใย และนำความปรารถนาดีและจริงใจ มาช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายให้บรรเทาลง อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ ตามแนวความเชื่อทางพระพุทธศาสนา โดยได้พิจารณาเห็นว่า มหาสมัยสูตร หรือมนต์เทวดา เป็นมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ที่กำเนิดขึ้นจากการร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดของเทวดาจากโลกธาตุทั้ง ๑๐ เพื่อมากล่าวสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายหลังการตรัสรู้ไม่นาน จึงมีความเชื่อว่ามนต์บทนี้จะนำมาซึ่งความดีงามสมดังปรารถนาได้ จึงได้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้น
โครงการนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ ๓ องค์กร ประกอบด้วย องค์กรพระธรรมทูตโลก(WBDO), สถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ พุทธมณฑล (วพช.) และสมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ (สพวช ) โดยผู้ริเริ่มและเป็นประธานโครงการคือ พระราชวิเทศปัญญาคุณ (ท่านเจ้าคุณ ดร.พระมหาเหลา ปัญญาสิริ) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุสหราชอาณาจักร, ประธานดำเนินการในการจัดตั้งองค์การพระธรรมทูตโลก เพื่อจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร,รองประธานปฏิบัติหน้าที่ประธานองค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักรฯ
โดยท่านเจ้าคุณดร.เหลาได้นำคณะสวดมนต์ชาวพุทธอังกฤษรวม ๒๐ คน เดินทางสวดมนต์เทวดา-มหาสมัยสูตร ใน ๓ ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเชีย และไทย ในระหว่างวันที่ ๘-๑๖ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยขณะนี้ในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเชียได้สวดมนต์เสร็จไปแล้ว ด้วยความปิติยินดีอย่างยิ่งของทุกฝ่าย
สำหรับในประเทศไทยท่านเจ้าคุณดร.เหลาและคณะกำหนดเดินทางมาถึงไทยในวันที่ 14 นี้พร้อมด้วยผู้แทนจากประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ สวิส ไอซ์แลนด์ สิงคโปร์ และมาเลเชีย ฯ ในจำนวนนี้มีชาวอังกฤษ ๑๔ คน เป็นนักสวดมนต์ที่ได้รับการศึกษาอบรมและฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ร่วม เดินทางมา
วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2562
วันนี้เวลา 17.00น.ที่ลานคนเมืองกรุงเทพมหานครได้มีการปราศรัยใหญ่ของ
"พรรคพลังท้องถิ่นไท" จัดปราศรัยใหญ่
แฟนคลับแน่นลานคนเมือง "พรรคท้องถิ่นไท" จัดปราศรัยใหญ่ พบกับคุณชัชวาลล์ คงอุดม(ชัช เตาปูน )หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท คุณฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์(ฟิล์ม) คุณชื่นชอบ คงอุดม(เอ็ม) กรรมการบริหารพรรคทุกท่าน และผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรทั่วประเทศ
2 มี.ค. 2562 17:00 น.
"พรรคพลังท้องถิ่นไท" จัดปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง ประชาชนและแฟนคลับร่วมฟังจำนวนมาก ...
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพฯ มีการจัดปราศรัยใหญ่ หัวข้อ "ทางออกของประเทศ" ของ "พรรคพลังท้องถิ่นไท" โดยมีชาวบ้านที่สนใจและแฟนคลับเข้าร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมาก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)