วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2568

 นนทบุรี ตัวแทนชาวบ้านกว่า 10 คน จากผู้เสียหาย 388 คนร้องมูลนิธิรณรงค์ หลังนำเงินเก็บทั้งชีวิตมาฝากกับสถาบันการเงินแต่กลับถอนเงินไม่ได้ บางรายไม่มีเงินหาหมอ ทำตาบอด




     เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 มกราคม 68 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านกว่า 10 คน เดินทางมาจากจังหวัดเลย พร้อมนำเอกสารหลักฐานต่างๆเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ และนางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือในด้านคดี หลังถูกคณะกรรมการชุมชนสถาบันการเงินบ้านห้วยมุ่น ต.กกสะทอน อ.ด้านซ้าย จ.เลย โกงเงินเกือบ 8 ล้านบาท โดยอ้างว่าขาดสภาพคล่องในด้านการเงิน มีชาวบ้านผู้เสียหาย จำนวน 388 คน ที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะฝากเงินกับสถาบันแห่งนี้ ต่างพากันร้องเรียนหน่วยงานต่างๆของภาครัฐ ในคดีก็ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องเข้าร้องเรียนข้อความเป็นธรรมกับทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมเพื่อให้ช่วยเหลือในด้านคดี

  






     นายปรีชา นาคพรม อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ห้วยมุ่น ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่าตนและชาวบ้านเดินทางมาวันนี้เพราะได้ฝากเงินกับสถาบันการเงินชุมชนบ้านห้วยมุ่น ถึงเวลาชาวบ้านเดือดร้อนไปขอเบิกเงินที่ฝากกับถอนเงินไม่ได้ เงินฝากมากว่า 10 ปี จำนวนเงินกว่า 5 ล้านบาท เคยตกลงกับสถาบันการเงินว่าจะจ่าย พอถึงเวลากลับหายเงียบ จึงเดินทางมาร้องกับทางมูลนิธิให้ช่วยเหลือเร่งรัดเอาเงินคืน ทุกวันนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักไม่มีเงินใช้ยังชีพหรือไปหาหมอ เด็กๆไม่มีเงินไปโรงเรียนจ่ายค่าเทอม เพราะผู้ปกครองนำเงินที่เก็บออมมาฝากกับสถาบันการเงินดังกล่าวจนหมด





     นายปรีชา เผยว่า กองทุนสถาบันการเงินชุมชนบ้านห้วยมุ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2556 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาด่านซ้าย ตอนก่อตั้งมีวงเงิน 10 ล้านบาท โดยมีคณะกรรมการรับผิดชอบ 10 คน ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อมาปล่อยกู้ให้สมาชิกในหมู่บ้าน และทางสถาบันการเงินชุมชนบ้านห้วยมุ่น พร้อมกับให้ชาวบ้านมาฝากเงินกับสถาบันฯ โดยได้ดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 3 บาทต่อปี ชาวบ้านจึงได้นำเงินไปฝากไว้กับสถาบันฯ จนมาถึงปีนี้ 2567 เป็นเงินออมของชาวบ้านจำนวนกว่า 5 ล้านบาท โดยชาวบ้านคิดว่าสถาบันฯแห่งนี้ มีธนาคาร ธกส. เป็นคนค้ำประกันให้กับทางสถาบันฯ จึงได้นำเงินไปฝาก





     ต่อมาเมื่อเดือนเมษายน 2567 นี้ ชาวบ้านได้ขอถอนเงินแต่ไม่ได้ โดยทางสถาบันฯ บอกว่าตอนนี้ระงับการเบิกถอนเงิน เนื่องจากขาดสภาพคล่อง และระหว่างกู้เงิน ธ.ก.ส. เพื่อมาปรับสภาพคล่อง จนมาถึงในวันที่ 4 มิถุนายน ชาวบ้าน รอไม่ไหวและไม่มีท่าทีจะได้เงินคืน จึงไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.ด่านซ้าย และวันที่ 5 มิ.ย. ทางศูนย์ดำรงธรรม อ.ด่านซ้าย ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยชาวบ้านและสถาบันฯ และได้มีข้อตกลง ซึ่งทางสถาบันฯ รับจะจ่ายเงินคืนให้กับชาวบ้าน เดือนละ 1 ล้านบาท ภายใน 5 เดือน โดยเริ่มจ่ายคืนตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. พอครบกำหนดสถาบันฯกับบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมจ่าย





     ด้าน ป้าเงิน อายุ 56 ปี หนึ่งในชาวบ้านผู้เสียหาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนทำไร่เก็บเงินมาฝากกับสถาบันการเงินดังกล่าวมาได้เกือบ 4 ปี  มีเงินฝากอยู่ 1.7 แสนบาท กระทั่ง เมื่อเดือน พ.ค. 67 ตนได้ไปขอถอนเงินเพื่อไปรักษาดวงตาข้างซ้ายที่เป็นต้อ แต่กับเบิกเงินที่ฝากไว้ไม่ได้ โดยเจ้าหน้าที่บอกแค่ว่าตอนนี้ห้ามถอนเงินเพราะสถาบันขาดสภาพคล่อง แต่สามารถฝากเงินได้ ทำให้ตนไม่มีเงินไปรักษาดวงตามาจนทุกวันนี้ ทำให้ดวงตามืดบอดมองอะไรไม่เห็นแล้ว ทุกวันนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับทรมานใจเป็นอย่างมากอยากได้เงินของตนเองคืน


     ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านจะพาผู้เสียหายไปยื่นเรื่องกับผบ.ตร.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เร่งทำคดีให้เร็วขึ้น เพราะผ่านมา 4 เดือนแล้วชาวบ้านยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะได้เงินที่ฝากคืนมาหรือไม่ และฝากไปถึงธนาคารธกส.ในพื้นที่ข่วยออกมาชี้แจงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินดังกล่าวหรือไม่ เพราะชาวบ้านที่ฝากเงินกับสถาบันการเงินดังกล่าวหลงเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกันจึงนำเงินมาฝาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น