"จะเดินหน้าหาความยุติธรรมให้ตนเอง"
นายดิกวิจัย ซิงห์ หลังจากนั้นได้ไปขอความเมตตราต่อศาลอุทธรณ์โดยการยื่นเอกสารคัดค้าน"คำพิพากษา" ข้อหาเกี่ยวกับเอกสาร ความเดิมมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ (11 กรกฏาคม)เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ ศาลแขวงพระนครใต้ ทางโจทก์ได้ทำการฟ้องร้องต่อศาลไปแล้วนั้น ทางศาลได้ทำการไตร่สวน โจทก์ฟ้องและนำสืบยืนยันว่าจำเลยทั้งหมดร่วมกันทำรายงานประชุมปลอมและเห็นชอบให้จำเลย เป็นผู้ดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมชุดใหม่ต่อนายทะเบียนกรุงเทพมหานคร อันเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่1ในการที่จำเลยที่1นำรายงานการประชุมปลอมไปยื่นต่อนายทะเบียน จนนายทะเบียนหลงเชื่อและรับจดทะเบียนชื่อจำเลยที่ 1 ถึง21 เป็นกรรมการชุดใหม่ของสมาคมฯอันเป็นการใช้เอกสารปลอมและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ ด้วยส่วนที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานแจ้งให้พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังว่าโจทก์ยังคงเป็นประธานกรรมการรักษาการณ์อยู่ในระหว่ารอจัดการเรื่องเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่แทนชุดเดิมที่หมดวาระดังที่วินิจฉัยแล้วข้างต้นการที่เจ้าพนักงานหลงเชื่อตามรายงานการประชุมที่โจทก์นำสืบอ้างว่าเป็นเอกสารปลอมและรับจดทะเบียนให้จำเลยที่ 1 ถึง 21 เป็นคณะกรรมการชุดใหม่แทนชุดเดิมย่อมกระทบสิทธิของโจทก์ ที่ไม่สามารถดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ตามอำนาจหน้าที่ต่อไปได้ถือว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียและเป็นผู้เสียหายแล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น พิพากษากลับ ให้ประทับฟ้องในความผิดตามประมวลกฏหมายอาญาต่อไปความเดิมเมื่อปี2563
เมื่อทุกคนถึงศาลแล้วศาลได้อ่านคำพิพากษาว่าให้ยกฟ้องทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวได้ถามความรู้สึกนาย ดิกวิจัย ซิงห์ ฝ่ายโจทก์ว่า ผมมาศาลวันนี้ได้มายื่นอุทธรณ์เพื่อหาความยุติธรรมเหมือนว่าความยุติธรรมไม่มีเลยรู้สึกท้อแท้เราต้องหาความยุติธรรมต่อไป"ผมจะเดินหน้าสู้ต่อไป"
ทีมข่าวภาคสนาม/รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น