วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565

“ นครบาลรายงาน จับหนุ่มขายกัญชาออนไลน์ ใช้ชื่อว่า “โคตรเสี่ย007 ”

 




“ นครบาลรายงาน จับหนุ่มขายกัญชาออนไลน์ ใช้ชื่อว่า “โคตรเสี่ย007 ”

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง

การกลาโหม มีนโยบายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ได้ตระหนักถึงปัญหาการแพร่ระบาดของยา

เสพติด จึงได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ 

รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., สั่งการให้ทุกหน่วย เร่งรัดติดตาม

จับกุมปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สำราญ 

นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชคชัย 

งามวงศ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6, พ.ต.อ.เกียรติกุล สนธิเณร รอง ผบก.น.6, พ.ต.อ.ธรา 

แปรงเครื่อง รอง ผบก.น.6 จึงได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม

พล.ต.ท.สำราญฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล เร่งรัดกวาดล้าง

การแพร่ระบาดของยาเสพติดโดยเฉพาะการโฆษณา หรือประกาศขายยาเสพติดบนโลกออนไลน์กองกำกับการสืบสวน 

บก.น.6 โดย พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.6 สั่งการให้ พ.ต.ท.วิสิทธิ์ สายบัวทอง รอง ผกก.สส.บก.น.6

ร.ต.อ.ปัณณวัชร์ จิรัฐธรรมฤทธิ์ สว.กก.สส.บก.น.6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ได้ทำการสืบสวนจนพบนาย

สกลพรรธดิ์หรือโบ้ทฯ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปีมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายกัญชาอัดแท่งผ่านทางสื่อสังคม

ออนไลน์และส่งพัสดุผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ได้ทำการสืบสวนและเฝ้าติดตาม 








จนกระทั่งสืบทราบมาว่าเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 65 ช่วงเช้ามืด ได้มีการขนย้ายกัญชาอัดแท่งจำนวนมากเข้าไปเก็บไว้ที่ 

บ้านเลขที่ 418 ถ.แฮปปี้แลนด์สาย 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิกรุงเทพฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์

จนพบนายโบ้ทฯ ปรากฏตัวอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านพักหลังดังกล่าว จึงได้เข้าแสดงตัวและทำการตรวจค้น ผลการตรวจ

ค้นพบ

1.กัญชาอัดแท่งจำนวน 508 กิโลกรัม

2.กล่องพัสดุเปล่าจำนวน 6 แพ็ค

3.อุปกรณ์ที่ใช้ในการบรรจุหีบห่อ

จึงได้จับกุมในข้อหา“มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ในชั้นจับกุมนายโบ้ทฯ ให้การว่าได้โพสต์ขายกัญชาออนไลน์ผ่านทางเฟสบุ๊ค ชื่อว่า “โคตรเสี่ย007” มาแล้วประมาณ 8 

เดือน โดยขายกัญชาได้ประมาณวันละ 30-50 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 5000 บาท มีรายได้หลักแสนบาทต่อวัน 

ซึ่งร้านขายกัญชาออนไลน์ดังกล่าวมีการทำเป็นขบวนการ โดยจะมีการเช่าบ้านพักไว้เป็นที่เก็บยาเสพติด มีการแบ่งหน้าที่

กันทำในการหาลูกค้าและแพ็คบรรจุหีบห่อนำส่งพัสดุผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน

บช.น. 







คนร้ายชิงทรัพย์หมอท้องแก่ 7 เดือน กลางโรงพยาบาล ตำรวจตามรวบทันควัน

...............................................

คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์กระเป๋าถือ คุณหมอท้องแก่ 7 เดือน กลางโรงพยาบาล ตำรวจทุ่งมหาเมฆ  ตามรวบทันควัน สารภาพติดยาเสพติด

วันนี้ ๑ เมษายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๓.๐๐ น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.๕ พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง รอง ผบก.น.๕ พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รอง ผบก.น.๕  พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รอง ผบก.น.๕  พ.ต.อ.ทินกร สมวันดี รอง ผบก.น.๕ พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ รอง ผบก.น.๕ พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ พ.ต.ท.วรรษธร วาเกียรธนะ รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งมหาเมฆ พ.ต.ท.สมดี ชาลีละหาน รรท.รอง ผกก.ป.สน.ทุ่งมหาเมฆ พ.ต.ท.ณภัทร อ้นวงศ์ สว.สส.สน.ทุ่งมหาเมฆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ร่วมกับแถลงข่าวจับกุม 

นาย สุทธิพงษ์ หรือ โอ๊ต    สุขกำปัง อายุ ๒๘ ปี ไทย – ไทย  ผู้ต้องหา

โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะ และ  เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

พร้อมด้วยของกลาง 

๑. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน สีเขียว จำนวน ๑ เครื่อง

๒. กระเป๋าสะพาย ภายใน มีกระเป๋าสตางค์ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรเครดิต และทรัพย์สินของผู้เสียหาย

๓. ชุดที่คนร้ายใช้ขณะก่อเหตุและถอดทิ้งเพื่อหลบหนี ประกอบด้วย เสื้อคลุมสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำ

๔. ชุดที่คนร้ายสวมใส่ขณะเกิดเหตุ เสื้อยืดคอกลมสีเขียวขี้ม้า กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน

๕. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ๑๑๐ ไอ สีแดง-เทา หมายเลขตัวถัง MLHJA1403N5216885  ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมหมวกนิรภัยแบบเต็มใบสีดำแถบขาว






พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ เวลาประมาณ ๑๖.๔๙ น. มีคนร้ายเป็นชาย   สวมหมวกกันน็อคเต็มใบสีดำแถบขาว เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำ        ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ๑๑๐ไอ สีแดง-เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดที่ลานจอดรถ ชั้น B๑ ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านถนนสาทร ต่อมาเวลาประมาณ ๑๗.๓๙ น. คนร้ายได้เดินตามผู้เสียหายซึ่งเป็นแพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลเข้าไปในลิฟท์โดยสาร จากนั้นได้อาศัยจังหวะอยู่ลำพังกับผู้เสียหาย กระชากชิงเอากระเป๋าสะพายของผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้พยายามยื้อแย่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟท์เปิดออก ผู้ต้องหาได้ใช้กำลังเพื่อให้ผู้เสียหายออกจากลิฟท์ เมื่อประตูลิฟท์ปิด ผู้ต้องหาได้ถอดเสื้อคลุม กางเกงยีนส์ขายาว และรองเท้าผ้าใบ ทิ้ง เพื่อสะดวกต่อการหลบหนี จากนั้นเวลาประมาณ ๑๗.๔๒ น. คนร้ายได้กลับมาที่รถจักรยานยนต์ ขับขี่หลบหนีออกไปจากโรงพยาบาล 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย พบว่า คนร้ายหลังจากก่อเหตุ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้ากลับที่พัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและ       ขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยตากสิน ๒๑ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ  ในชั้นจับกุม นายสุทธิพงษ์ หรือ โอ๊ต ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหาพบ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน ของผู้กล่าวหา เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ และหมวกนิรภัย

ต่อมาผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดของกลาง กระเป๋าสะพายภายในมีกระเป๋าสตางค์แบบสตรีและเอกสารของผู้เสียหาย ที่หลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาได้นำไปทิ้งไว้ในถังขยะ บริเวณด้านหน้าที่พัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

อนึ่ง ผู้ต้องหาเคยทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๖๐ ภายหลังได้ออกไปทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยหลายแห่ง และล่าสุดเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ย่านบางบอน ออกจากงานเมื่อ ๒๐ มี.ค.๖๕ ที่ผ่านมา ผู้ต้องหารับว่าก่อเหตุเพื่อต้องการหาเงินไปเสพยาเสพติด






กองบัญชาการตำรวจนครบาล ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ให้ความสำคัญในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นสำคัญ หากท่านพบเห็นหรือต้องการแจ้งเบาะแส สามารถแจ้งผ่านสายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

.............................................................

“ นครบาลใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ”

ตี๋สมเด็จ/รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น