เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.)
แถลงการณ์
เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน
ฉบับที่ 1/2565
เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา)
ตาม “พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 หมวด 4 สหภาพแรงงาน มาตรา 40 (4)
ดำเนินการและให้ความร่วมมือ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ” จึงเกิดการรวมตัวของ
สหภาพแรงงานเป็นเครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) อันประกอบไปด้วยสหภาพแรงงานที่
เป็นองค์กร ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของชาติ ได้แก่
1. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.)
2. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สร.กฟภ.)
3. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.)
4. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปานครหลวง (สร.กปน.)
5. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค (สร.กปภ.)
6. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม (สร.อภ.)
ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนอันเป็นภารกิจหลักของ คฟปย. ต่อสถานการณ์โรคโควิด -19 ที่ยังระบาด
อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงมีผลทำให้การดำรงชีพ การท ามาหากินเป็นไปอย่างยากลำบากต่อการครองชีพในปัจจุบัน
คฟปย. จึงได้จัดประชุมเสวนาถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลต่อภาวะการครองชีพ ของ
พี่น้องประชาชน การต่อสู้กับโรคโควิด 19 โดยรัฐบาลมีนโยบาย ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) การปล่อยให้เอกชนเข้า
มาดำเนินการ ขายน้ำประปาในเขตภาคตะวันออก และการจัดหายา เวชภัณฑ์ ที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด 19 อันจะทำ
ให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น
โดยผลสรุปของการเสวนา ของ คฟปย. ขอเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้
1 รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายการขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) โดยเฉพาะเอกชนผู้ผลิต ต้องมีส่วนร่วม และเพิ่ม
สัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้า ของภาครัฐตามรัฐธรรมนูญ
2 รัฐบาลต้องคงไว้ซึ่งรัฐวิสาหกิจด้านสาธารณูปโภค รัฐจะต้องดูแลต้นทุนต่างๆ เช่น การเรียกเก็บ ค่าเช่าพื้นที่ใน
การวางท่อประธานหรือท่อจ่ายน้ำ อย่างเช่น พื้นที่ของกรมทางหลวงและกรมธนารักษ์(วงเงินงบประมาณ 2 พันล้านบาท)
ในเขตพื้นที่ภูมิภาค ในเรื่องน้ำประปา ที่ปล่อยให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น ภาคตะวันออก จังหวัด
ปทุมธานี รัฐบาลต้องใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล และกำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อประชาชน
ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
3 รัฐบาลต้องมีนโยบายสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรม ผลิตยา วัคซีนและเวชภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนสามารถ
เข้าถึงได้อย่างสะดวกมีคุณภาพและราคาถูก อย่างเพียงพอ
4 รัฐบาลต้องไม่ขายรัฐวิสาหกิจ อันเป็นสมบัติของชาติและต้องไม่ทำให้รัฐวิสาหกิจอ่อนแอ จนไม่สามารถ
ดำเนินกิจการได้เพื่อคงไว้ซึ่งกิจการของรัฐที่ต้องมีไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะรัฐบาลต้อง
ใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล รับผิดชอบในขอบเขตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบาย การพัฒนา
และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้คฟปย. ขอยืนยันเจตนารมย์เพื่อร่วมคัดค้านการแปรรูป รัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบ ทั้งทางตรงและ
ทางอ้อม เพื่อรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติและประชาชนตลอดไป
“รัฐวิสาหกิจ ไม่ทอดทิ้งประชาชน”
ตี๋สมเด็จ/รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น