วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2565

เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) แถลงการณ์ เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน

 เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.)

แถลงการณ์

เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน



ฉบับที่ 1/2565

เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา)

ตาม “พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 หมวด 4 สหภาพแรงงาน มาตรา 40 (4) 

ดำเนินการและให้ความร่วมมือ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ” จึงเกิดการรวมตัวของ

สหภาพแรงงานเป็นเครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) อันประกอบไปด้วยสหภาพแรงงานที่

เป็นองค์กร ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของชาติ ได้แก่




1. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.)

2. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สร.กฟภ.)

3. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.)

4. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปานครหลวง (สร.กปน.)

5. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค (สร.กปภ.)

6. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม (สร.อภ.)

ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนอันเป็นภารกิจหลักของ คฟปย. ต่อสถานการณ์โรคโควิด -19 ที่ยังระบาด

อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงมีผลทำให้การดำรงชีพ การท ามาหากินเป็นไปอย่างยากลำบากต่อการครองชีพในปัจจุบัน

คฟปย. จึงได้จัดประชุมเสวนาถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลต่อภาวะการครองชีพ ของ

พี่น้องประชาชน การต่อสู้กับโรคโควิด 19 โดยรัฐบาลมีนโยบาย ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) การปล่อยให้เอกชนเข้า

มาดำเนินการ ขายน้ำประปาในเขตภาคตะวันออก และการจัดหายา เวชภัณฑ์ ที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด 19 อันจะทำ

ให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

โดยผลสรุปของการเสวนา ของ คฟปย. ขอเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้






1 รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายการขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) โดยเฉพาะเอกชนผู้ผลิต ต้องมีส่วนร่วม และเพิ่ม

สัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้า ของภาครัฐตามรัฐธรรมนูญ 

2 รัฐบาลต้องคงไว้ซึ่งรัฐวิสาหกิจด้านสาธารณูปโภค รัฐจะต้องดูแลต้นทุนต่างๆ เช่น การเรียกเก็บ ค่าเช่าพื้นที่ใน

การวางท่อประธานหรือท่อจ่ายน้ำ อย่างเช่น พื้นที่ของกรมทางหลวงและกรมธนารักษ์(วงเงินงบประมาณ 2 พันล้านบาท)

ในเขตพื้นที่ภูมิภาค ในเรื่องน้ำประปา ที่ปล่อยให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น ภาคตะวันออก จังหวัด

ปทุมธานี รัฐบาลต้องใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล และกำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อประชาชน

ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

3 รัฐบาลต้องมีนโยบายสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรม ผลิตยา วัคซีนและเวชภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนสามารถ

เข้าถึงได้อย่างสะดวกมีคุณภาพและราคาถูก อย่างเพียงพอ

4 รัฐบาลต้องไม่ขายรัฐวิสาหกิจ อันเป็นสมบัติของชาติและต้องไม่ทำให้รัฐวิสาหกิจอ่อนแอ จนไม่สามารถ

ดำเนินกิจการได้เพื่อคงไว้ซึ่งกิจการของรัฐที่ต้องมีไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะรัฐบาลต้อง

ใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล รับผิดชอบในขอบเขตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบาย การพัฒนา



และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนความมั่นคงของประเทศ 

ทั้งนี้คฟปย. ขอยืนยันเจตนารมย์เพื่อร่วมคัดค้านการแปรรูป รัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบ ทั้งทางตรงและ

ทางอ้อม เพื่อรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติและประชาชนตลอดไป

“รัฐวิสาหกิจ ไม่ทอดทิ้งประชาชน”

ตี๋สมเด็จ/รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น