วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2565

เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) แถลงการณ์ เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน

 เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.)

แถลงการณ์

เครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน



ฉบับที่ 1/2565

เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา)

ตาม “พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 หมวด 4 สหภาพแรงงาน มาตรา 40 (4) 

ดำเนินการและให้ความร่วมมือ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ” จึงเกิดการรวมตัวของ

สหภาพแรงงานเป็นเครือข่ายไฟฟ้าประปาและยาเพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) อันประกอบไปด้วยสหภาพแรงงานที่

เป็นองค์กร ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของชาติ ได้แก่




1. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.)

2. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สร.กฟภ.)

3. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.)

4. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปานครหลวง (สร.กปน.)

5. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค (สร.กปภ.)

6. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม (สร.อภ.)

ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนอันเป็นภารกิจหลักของ คฟปย. ต่อสถานการณ์โรคโควิด -19 ที่ยังระบาด

อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงมีผลทำให้การดำรงชีพ การท ามาหากินเป็นไปอย่างยากลำบากต่อการครองชีพในปัจจุบัน

คฟปย. จึงได้จัดประชุมเสวนาถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลต่อภาวะการครองชีพ ของ

พี่น้องประชาชน การต่อสู้กับโรคโควิด 19 โดยรัฐบาลมีนโยบาย ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) การปล่อยให้เอกชนเข้า

มาดำเนินการ ขายน้ำประปาในเขตภาคตะวันออก และการจัดหายา เวชภัณฑ์ ที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด 19 อันจะทำ

ให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

โดยผลสรุปของการเสวนา ของ คฟปย. ขอเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้






1 รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายการขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) โดยเฉพาะเอกชนผู้ผลิต ต้องมีส่วนร่วม และเพิ่ม

สัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้า ของภาครัฐตามรัฐธรรมนูญ 

2 รัฐบาลต้องคงไว้ซึ่งรัฐวิสาหกิจด้านสาธารณูปโภค รัฐจะต้องดูแลต้นทุนต่างๆ เช่น การเรียกเก็บ ค่าเช่าพื้นที่ใน

การวางท่อประธานหรือท่อจ่ายน้ำ อย่างเช่น พื้นที่ของกรมทางหลวงและกรมธนารักษ์(วงเงินงบประมาณ 2 พันล้านบาท)

ในเขตพื้นที่ภูมิภาค ในเรื่องน้ำประปา ที่ปล่อยให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น ภาคตะวันออก จังหวัด

ปทุมธานี รัฐบาลต้องใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล และกำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อประชาชน

ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

3 รัฐบาลต้องมีนโยบายสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรม ผลิตยา วัคซีนและเวชภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนสามารถ

เข้าถึงได้อย่างสะดวกมีคุณภาพและราคาถูก อย่างเพียงพอ

4 รัฐบาลต้องไม่ขายรัฐวิสาหกิจ อันเป็นสมบัติของชาติและต้องไม่ทำให้รัฐวิสาหกิจอ่อนแอ จนไม่สามารถ

ดำเนินกิจการได้เพื่อคงไว้ซึ่งกิจการของรัฐที่ต้องมีไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะรัฐบาลต้อง

ใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล รับผิดชอบในขอบเขตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบาย การพัฒนา



และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนความมั่นคงของประเทศ 

ทั้งนี้คฟปย. ขอยืนยันเจตนารมย์เพื่อร่วมคัดค้านการแปรรูป รัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบ ทั้งทางตรงและ

ทางอ้อม เพื่อรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติและประชาชนตลอดไป

“รัฐวิสาหกิจ ไม่ทอดทิ้งประชาชน”

ตี๋สมเด็จ/รายงาน

ด้วยความห่วงใย… ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง

 ด้วยความห่วงใย… ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง



เมื่อวันที่ 28 มี.ค.65 เวลา 11.00 น.

ดร.ธำรงศักดิ์ ดำรงศิริ  กต.ตร. สน.ยานนาวา ได้มอบยุทธภัณฑ์เสื้อเกราะกันกระสุนจำนวน 5 ตัว 

ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรว สน.พระโขนง 

ไว้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่  โดยมี พ.ต.ท.ประกอบ อินทร์เกตุ รอง ผกก.จร. สน.พระโขนง และ พ.ต.ท.อภิวัฒน์ อาจอินทร์ สว.สส. สน.พระโขนง เป็นตัวแทนรับมอบ





#เพจข่าวเป็นข่าวดอทคอม/

/เอกชัย/รายงาน0894981477

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ปล่อยขบวน ส่งต่อน้ำใจไทย ยกทัพเครื่องอุปโภคบริโภคลงพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ บรรเทาทุกข์ผู้ว่างงาน ตกงาน ขาดรายได้ สู้ภัยโควิด-19

 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ปล่อยขบวน ส่งต่อน้ำใจไทย ยกทัพเครื่องอุปโภคบริโภคลงพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ บรรเทาทุกข์ผู้ว่างงาน ตกงาน ขาดรายได้ สู้ภัยโควิด-19

.




วันนี้ (วันที่ 28 มีนาคม 65 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ  คณะกรรมการฯ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีเปิด โครงการ “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อน้ำใจไทย สู้ภัยโควิด-19” แจกจ่ายถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น  เช่น  ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ รวม 5,000 ชุด แก่ผู้ประสบปัญหาว่างงาน หรือตกงาน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วทุกเขตกรุงเทพมหานคร [50 เขต] รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,750,000 บาท (หนึ่งล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) โดยมีผู้แทนจากสำนักงานเขต อาทิ นายวสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผู้อำนวยการเขตพระนคร นางมาศวัลย์  ปิ่นสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน  นายสุนิต บุญยมหาศาล ผู้อำนวยการเขตยานนาวา  นายกษิระ ศรีเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และนายพงศธร ชั้นไพศาลศิลป์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตสาทร ร่วมในพิธีเปิดโครงการฯ ณ บริเวณลานสำนักงานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เขตพลับพลาไชย กรุงเทพฯ

.




โดยในช่วงบ่ายของวันนี้  (28 มี.ค.65) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า รักษาการผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ / หัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์  นำทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและเขตสาทร เขตละ 100 ชุด

.

สำหรับการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายนับตั้งแต่วันนี้ – 28 เมษายน 65 โดยกำหนดออกแจกจ่ายวันละ 2 เขต  โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ประสานงานกับสำนักงานเขตทุกเขต ในการกำหนดวัน จัดเตรียมสถานที่และชุมชนในพื้นที่ เพื่อจัดระเบียบ ตั้งจุดคัดกรองประชาชนในแต่ละจุดตามหลักการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่และกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทยอยลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร (รวม 50 เขต) 

.



มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ติดต่อสอบถาม รวมถึงติดตามข่าวสารกิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ – ผู้ประสบภัยต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ





 www.facebook.com/atpohtecktung

.

## ถึ ง จ ะ ต้ อ ง อ ยู่ ห่ า ง ...แต่เราพร้อมเคียงข้างคุณเสมอ ##

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##  #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

ตี๋สมเด็จ/รายงาน

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565

เลขาธิการ กช. เล็งเสริมสมรรถนะครูปฐมวัยชูการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หวังนำสู่การพัฒนาเด็กปฐมวัย

 เลขาธิการ กช. เล็งเสริมสมรรถนะครูปฐมวัยชูการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หวังนำสู่การพัฒนาเด็กปฐมวัย



วันนี้เวลา 08.35 น. (25 มีนาคม 2565) นายพีรศักดิ์  รัตนะ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมกล่าวบรรยายในการอบรมเชิงปฏิบัติการ “สมรรถนะครูปฐมวัยหัวใจใหม่ (Holistic Teacher)” รุ่นที่ 1  ระหว่างวันที่ 25 - 27  มีนาคม  2565 ณ โรงแรมบุรีศรีภู คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา







นายพีรศักดิ์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีกระบวนคิด และทักษะการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ ได้ปฏิบัติจริง และได้นำความรู้ไปคิดสร้างสรรค์ได้ด้วยตนเอง ดังนั้น การวางแผนออกแบบการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญของการจัดการศึกษาที่จะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเด็กปฐมวัย และสร้างสมมรรถนะให้ผู้บริหารและครูได้มองเห็นการเรียนรู้ของผู้เรียนหรือเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนที่แตกต่างกัน ให้สามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้ มีกระบวนการที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ มองเห็นสภาวะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยที่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จึงได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “สมรรถนะครูปฐมวัยหัวใจใหม่ (Holistic Teacher)” เพื่อให้ผู้บริหารและครูมีความรู้ความเข้าใจ นำความรู้จากการอบรมไปขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ในระดับปฐมวัยแบบองค์รวมอย่างจริงจัง ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงได้มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด ที่กำกับดูแลโรงเรียนเอกชนที่เปิดสอนระดับปฐมวัย พิจารณาคัดเลือกโรงเรียนในพื้นที่เป็นโรงเรียนนำร่อง โดยต้องประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอนระดับปฐมวัย โดยกลุ่มเป้าหมายผู้เข้ารับการอบรม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวนทั้งสิ้น 153 โรง  459 คน แบ่งการอบรมเป็น 4 รุ่น (รุ่นที่ 1 ภาคใต้ รุ่นที่ 2 ภาคเหนือ รุ่นที่ 3 ภาคกลางและภาคตะวันออก และรุ่นที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) การจัดอบรมครั้งนี้เป็นการอบรมรุ่นที่ 1 คือ กลุ่มเป้าหมายเป็นโรงเรียนที่เข้าอบรมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้  จำนวน 35 โรง มีผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอนระดับปฐมวัย จำนวนทั้งสิ้น 105 คน







สำหรับการอบรมครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหลักสูตรสมรรถนะครูปฐมวัยหัวใจใหม่ เป็นวิทยากรให้ความรู้ ได้แก่ รองศาสตราจารย์ประภาภัทร  นิยม  อธิการบดีสถาบันอาศรมศิลป์ ดร.สุจินดา  ขจรรุ่งศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาปฐมวัย สาขาทางศึกษาศาสตร์ นางสาวสุวรรณา ชีวพฤกษ์ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนรุ่งอรุณ นางสาวระพีพรรณ  พัฒนาเวช นักเขียน และทีมคณะวิทยากรของสถาบันอาศรมศิลป์ และโรงเรียนรุ่งอรุณ


 

 



บิ๊กหมอก

นายศรพงศ์ศักดิ์  สุวรรณปรุง

ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการฯสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาบอร์ดบริหาร UNPKFC พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมองค์การบริหารส่วนตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี

1.นายชาตรี  อ่วมสอาด นายก อบต.

2.นายภพพสิษฐ์ อัมพรเวช รองนายก

3.นายไวยวฒิ  หาญคุณากุล  ปลัด อบต.

4.นางภิรมย์  อ่วมสอาด ส.อบต.

5.หัวหน้าส่วนราชการ






เข้าร่วมประชุมและให้การต้อนรับที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีพร้อมได้รายงานถึงความเป็นมาของบ้านคลองนาเกลือหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการท่องเที่ยวต้นแบบสมุทรปราการ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้คัดเลือกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบคือ บ้านคลองนาเกลือ หมู่ที่ 2 ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและเป็นแบบอย่างในการน้อมนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันและยังเป็นจุดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับชุมชน นายชาตรี อ่วมสอาด นายก อบต.ยังได้กล่าวถึงวิถีชีวิตชุมชนบ้านสาขลาตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนออกสู่ทะเลอ่าวไทยเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์เรื่อยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นสันนิษฐานในอดีตเคยชื่อหมู่บ้านสาวกล้า สืบเนื่องจากผู้ชายในหมู่บ้านส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปช่วยในสมรภูมิรบศึกสงคราม 9 ทัพเพื่อสู้กับกองทัพพม่าสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชรัชกาลที่ 1เมื่อเหล่าทหารพม่าเดินทัพผ่านหมู่บ้านแห่งนี้และได้มีการกวาดต้อนผู้คนยึดเสบียงอาหารหญิงสาวที่เหลือในหมู่บ้านจึงพากันหยิบอาวุธที่พอจะหาได้ลุกขึ้นต่อสู้กับทหารพม่าจนได้รับชัยชนะและตั้งชื่อหมู่บ้านสาวกล้านับตั้งแต่นั้นภายหลังจึงเพี้ยนเป็นหมู่บ้านสาขลาจนถึงปัจจุบัน นายศรพงศ์ศักดิ์  สุวรรณปรุง ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการ ฯ สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรียังได้ตรวจติดตามสอบถามเรื่องปัญหาทางภาคการเกษตรซึ่งมีปัญหาในการทำประมงในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมาซึ่งได้มีการเลี้ยงกุ้งแชบ๊วย กุ้งกุลาดำและหอยแครงซึ่งก่อนที่จะมี covid นั้นเคยได้เฉลี่ยต่อบ่อประมาณ 30,000 บาทพอหลังจากมีโควิคก็ไม่สามารถทำการส่งไปที่จังหวัดสมุทรสาครได้จึงทำให้เกิดปัญหาการเลี้ยงกุ้งจนทำให้เป็นผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจของตำบลนาเกลือซึ่งมีการเลี้ยงมากประมาณเกือบ 1,000 บ่อทำให้เกิดภาระหนี้สินทำให้ประสบปัญหาทางครัวเรือนในตำบลนาเกลือ ต้องช่วยเหลือกันเองมาโดยตลอด







วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565

"บิ๊กราญ" ผบช.น.,รอง ผบช.น.,ผบก.น.1 และจนท.กก.สส.บก.น.1 ร่วมแถลงข่าวกรณีจับกุมยาเสพติดย่านจตุจักร พร้อมของกลางยาไอซ์,ยาบ้า และเฮโรอีน ผลงาน กก.สส.บก.น.1

 "บิ๊กราญ" ผบช.น.,รอง ผบช.น.,ผบก.น.1 และจนท.กก.สส.บก.น.1 ร่วมแถลงข่าวกรณีจับกุมยาเสพติดย่านจตุจักร พร้อมของกลางยาไอซ์,ยาบ้า และเฮโรอีน

ผลงาน กก.สส.บก.น.1



วันที่ 24 มีนาคม 2565

“นครบาลรายงานผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ผลงาน กก.สส.บก.น.1”

  






  

ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นสาเหตุให้ก่อเกิดอาชญากรรมต่างๆ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. สั่งการให้ทุกหน่วย เร่งรัดติดตามจับกุมปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

  





กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น./ผอ.ศอ.ปส.บช.น.,พล.ต.ต.จิรสันต์  แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น.,พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น./รอง ผอ.ศอ.ปส.บช.น., พล.ต.ต.จักรภพ สุคนธราช ผบก.บก.น.1 ,พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผบก.บก.น.1, พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์  อินทร ผกก.สส.บก.น.1และ พ.ต.ท.ศุภกร  อ้นสุวรรณ์ รอง ผกก.สส.บก.น.1 ร่วมกันแถลงข่าวกรณี ชปส.บก.น.1 ร่วมกับ กก.สส.บก.น.1 จับกุมนายวีรพงษ์ฯ หรือบอล อายุ ๒๘ ปี บริเวณลานจอดรถอาคารอพาร์ทเม้น The Blue Ribbon ซอย ลาดพร้าว 15 แยก 1-2 แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องห้องพักเลขที่ 205 อพาร์ทเม้น The Blue Ribbon ซอย ลาดพร้าว 15 แยก 1-2 แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

 





โดยกล่าวหาว่า “มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาไอซ์,ยาบ้าและเฮโรอีน หรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยผิดกฎหมาย” เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.1 และ ชปส.บก.น.1 ได้ร่วมกันทำการสืบสวนขยายผลจากกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกันมั่วสุมเสพยาเสพติด และทำการเฝ้าติดตามจนพบว่ามีเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดออนไลน์ พักและซุกซ่อนยาเสพติดที่อพาร์ทเม้นท์ The Blue Ribbon ซอย ลาดพร้าว 15 แยก 1-2 แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมีนายบอลไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง เป็นผู้ดูแลทำการรับส่งยาเสพติดให้กับลูกค้า ทั้งทางการส่งยาเสพติดในพื้นที่และทางพัสดุไปรษณีย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนพฤติกรรมและวางแผนทำการล่อซื้อจับกุมโดยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 20.30 น. ได้จับกุมได้ผู้ต้องหาคือ นายวีรพงษ์ฯ หรือ บอล 

 





พร้อมตรวจยึดยาเสพติดได้ดังนี้

  1.ยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์)  น้ำหนักประมาณ 7.431 กิโลกรัม

  2.ยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)  จำนวนประมาณ 16,000 เม็ด

  3.ยาเสพติดประเภท 1 (เฮโรอีน)            น้ำหนักประมาณ 601 กรัม

  4.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบอร์น จำนวน 1 คัน 

 

จากการซักถามและขยายผล ทราบว่านายบอลได้รับคำสั่งการจากนายก้องและนายเก่งให้เดินทางไปรับยาเสพติดที่บริเวณซอยลาดพร้าว 87 โดยหลังจากที่รับมาตนจะเป็นผู้เก็บซุกซ่อนยาเสพติดดังกล่าวและจะนำไปส่งให้ลูกค้าตามการสั่งการจากนายเก่งและนายก้อง โดยจะติดต่อกันผ่าน

-2-

ทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งตนจะนำยาเสพติดส่งให้ลูกค้าโดยการวางไว้ตามจุดต่างๆ ให้กับลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง ถ้าเป็นกรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด ตนจะจัดส่งทางพัสดุไปรษณีย์โดยใช้บริษัทขนส่งเอกชน โดยเฉลี่ยแล้วจะส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าอาทิตย์ละ 12 ราย โดยลูกค้าจะชำระค่ายาเสพติดผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร และจากการตรวจสอบประวัติของเครือข่ายนี้ยังพบว่า นายก้อง เป็นบุคคลที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดต้องการตัว และมีหมายจับของ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ข้อหา “ร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายฯ” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.บก.น.1 และ กก.สส.บก.น.1 จะได้ร่วมกันทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ต่อไป

 




บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด 

โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่

ตี๋สมเด็จ/รายงาน