วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

ท่านเสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ประธาน กมธ.ปปช รับเรื่องร้องเรียน กรณีเจ้าหน้าที่รัฐนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัวและก่อเหตุลักทรัพย์ และขัดคำสั่งการ​ ก.ท.จ.ปทุมธานี


วันนี้30มกราคม2563เวลา 10:00 น.ที่สภาผู้แทนราษฎรเทศบาลเมืองคลองหลวงนายสุวิรัตน์ กิมสวัสดิ์ประธานสภาเทศบาลพร้อมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง​ จังหวัดปทุมธานี​ ได้มาทำการยื่นหนังสือถึงประธานสภาที่รัฐสภาแห่งใหม่และรวมไปถึงกรรมาธิการท้องถิ่นเพื่อให้เข้าไปดูเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในเทศบาลเมืองคลองหลวงและร้องเรียนการทำงานของกสทชและกรณีและรวมถึงรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงมีที่ขัดคำสั่ง กทจ.และได้เข้าพบท่านเสรีพิศุทธ์​ เตมียเวสสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีรวมไทยเป็นผู้รับเรื่องไว้แล้วท่านรับปากว่าจะดูแลให้อย่างดีและทุกคนจึงได้เดินทางกลับต่อมา
เวลา 13:30 น.จึงเข้าพบพลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเพื่อร้องเรียนเรื่องดังกล่าว
ที่กระทรวงมหาดไทยศูนย์ดำรงธรรมได้ยื่นหนังสือกับท่านผอ.บุญส่ง​ ไชยมณี​ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมให้การต้อนรับและรับปากว่าจะดำเนินการให้และมีผู้สื่อข่าวร่วมทำข่าวหลายสำนัก
และต่อมาเวลา 15:30 น.เข้ายื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชามีเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเพื่อขอความเป็นธรรมกับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยมีท่านสาธิต​ สุทธิเสริม​ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชนเป็นผู้รับเรื่องและทั้งหมดจึงเดินทางกลับทั้งนี้ทางสื่อมวลชนก็จะติดตามและจะมานำเสนอต่อไปในเร็วๆนี้






ในหนังสือก็จะมีตามนี้
 สำนักเทศบาลเมืองคลองหลวง
อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
๒๙ มกราคม  ๒๕๖๓
เรื่อง  ร้องเรียนขอให้โยกย้ายนางสุดา  รองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง และนางสาววราภรณ์    นิติกรเทศบาลคลองหลวงออกจากพื้นที่ พร้อมขอให้ดำเนินการทางวินัยและคดีอาญา
เรียน  ท่าน สส.ภูดิษ    อินสุวรรณ์ สส พรรคพลังประชารัฐ
สิ่งที่ส่งมาด้วย    ๑. หนังสือการขัดคำสั่งมติ กทจ. ปทุมธานี
๒. เอกสารการร้องเรียนพร้อมภาพถ่ายเจ้าหน้าที่เทศบาลเอกรถยนต์ส่วนการของ
 เทศบาลเมืองคลองหลวงไปขนทรัพย์ 
๓. เอกสารการขัดแย้งภายในองค์กร
๔. ทุจริตยืมเงินหลวง ไม่ส่งใช้เงินยืม
 ด้วย ข้าพเจ้านายสุวิรัตน์ กิมสวัสดิ์ ประธานสภาเทศบาล พร้อมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ดังรายชื่อท้ายหนังสือนี้ มีความประสงค์ขอร้องเรียนให้ท่านเข้าดำเนินการไต่สวนเอาผิดทางอาญา วินัยร้ายแรง และโยกย้ายนางสุดา  รองปลัดเทศบาล และนางสาววราภรณ์  นิติกรเทศบาลเมืองคลองหลวงออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นผู้มีพฤติการณ์ขัดแย้งกับสมาชิกสภาเทศบาล มีพฤติการณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑. นางสุดา  รองปลัดเทศบาล มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยร้ายแรง กรณีไม่ปฏิบัติตามมติ กทจ.ปทุมธานี จำนวน ๓ ครั้ง ซึ่ง กทจ. มีมติให้นางสุดา   รองปลัดเทศบาล เสนอเรื่องขอใช้อำนาจนายกเทศมนตรีในการออกคำสั่งรับนางจุฑารัตน์  อดีตปลัดเทศบาลคลองหลวงกลับสู่ตำแหน่งเดิม เมื่อคราวที่นางจุฑารัตน์  ถูกสั่งพักราชการ  เนื่องจากถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่นางสุดา  รองปลัดเทศบาล ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่ รองปลัดเทศบาล รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศเมืองคลองหลวงไม่ยอมทำการคำสั่งของมติ กทจ.ปทุมธานี ครั้งที่ ๖/๒๖๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑  และยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองกลาง คดีหมายเลข บ.๑๑๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓           ข้อ ๒. นางสุดา  รองปลัดเทศบาล รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล ปฏิบัติ








หน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง บังอาจทำหนังสือบอกเลิกการรับโอนผู้มาดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณีปลัดเทศบาลคนเดิมเกษียณอายุราชการ ไปยัง กทจ.ปทุมธานี และ กทจ.ชลบุรี  ทั้ง ๆ ที่ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีได้ใช้อำนาจรับโอนและรายงานการรับโอนไปยัง กทจ.ปทุมธานีแล้ว โดยมีเจตนาขัดขวางการรับโอน ทั้งนี้ เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสและมีอำนาจในการทำหน้าที่รักษาการปลัดเทศบาลและปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวงด้วยตนเองเพียงคนเดียว เพื่อความสะดวกในการแสวงหาประโยชน์
 ข้อ 3. นางสุดา  รองปลัดเทศบาล และนางวราภรณ์  นิติกรชำนาญการพิเศษ มีความขัดแย้งกับสมาชิกสภาเทศบาล จนถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรม จากเหตุการณ์ที่สภาเทศบาลได้นำเรื่อง ที่นางสาววราภรณ์      นิติกรชำนาญการพิเศษ ได้บังอาจนำรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลไปใช้ขนทรัพย์ ซึ่งในเวลาต่อมามีผู้แจ้งข้อหาใช้ยานพาพนะซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลเมืองคลองหลวง พร้อมเจ้าหน้าที่ของเทศบาลร่วมกันลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการทำให้เทศบาล ประชาชน และส่วนรวมได้รับความเสียหาย ซึ่งต่อมานางวราภรณ์     นิติกรชำนาญการพิเศษ ได้นำคดีไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมเพื่อขอให้ศาลลงโทษสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ที่นำเรื่องไปอภิปรายตน ฐานหมิ่นประมาท โดยต่อมาศาลยุติธรรมได้พิพากษาให้ฝ่ายสมาชิกสภาเทศบาลเป็นฝ่ายชนะคดี โดยศาลให้เหตุผลว่า สภาเทศบาลมีหน้าที่ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร กรณีสภาเทศบาลจึงสามารถที่จะอภิปรายเรื่องดังกล่าวในสภาเทศบาลได้ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แต่นางสาววราภรณ์  นิติกรชำนาญการพิเศษ การไม่ลดละขออุทธรณ์ และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ได้ส่งผลทำให้สมาชิกสภาเทศบาลเกิดความบาดหมางและมีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนรุนแรง จนไม่สามารถที่ประสานทำงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อส่วนรวมได้อีกต่อไป แถมนางสาววราภรณ์   นิติกรชำนาญการพิเศษ ใช้อำนาจหน้าที่ของตนที่มีอยู่ คอยขัดขวางการปฏิบัติงาน และคอยยุยงสับเปลี่ยนสายงานที่ไม่ตรงมารักษาการ ถ้าบุคคลคนนั้นเป็นพวกพองของตนเอง ก็จะออกหนังสือให้รักษาการสั่งการสับเปลี่ยนขึ้นมารักษาการแทน เพื่อเอื้ออำนวยการหาช่องทางการเปิดประมูลงาน ที่จะดึงเอาคนที่เชื่อฟังตัวเองมาเป็นพวก ซึ่งหากให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนยังฝืนทำงานอยู่เทศบาลแห่งนี้อีกต่อไป ยิ่งจะก่อให้ความเสียหายต่อส่วนรวม และยิ่งเป็นการตอกย้ำและสร้างความเจ็บปวดหัวใจให้เกิดขึ้นแก่สมาชิกสภาเทศบาลไม่จบสิ้น เป็นการหยาบเกียรติยศศักดิ์ศรีของสมาชิกสภาเทศบาลในฝ่ายที่ทำถูกต้อง ที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลทั้งสองคนในทางที่ชอบด้วยกฎหมายได้เลย ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนนี้ใช้อำนาจไปในทางทุจริตและแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองโดยแท้
 กรณีข้างต้นกรณีข้างต้น ข้าพเจ้าและคณะสมาชิกสภาบาลเมืองคลองหลวงได้นำเรื่องไปร้องเรียนต่อ             
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีแล้ว ผลการสอบสวนคดีมีมูลตามที่พวกข้าพเจ้าร้องเรียน ซึ่งข้อนี้ตามหลักการแล้ว ทั้งนางสุดาและนางวราภรณ์จะต้องถูกโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งเทศบาลแห่งอื่นจากสาเหตุแห่งความขัดแย้ง แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีกลับบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือมิให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนโอนย้ายไปอยู่เทศบาลแห่งอื่น โดยให้เหตุผลว่า ความขัดแย้งดังกล่าว เป็นความขัดแย้งส่วนตัว หากให้ทำงาน ณ เทศบาลเมืองคลองหลวงต่อไป ย่อมจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ซึ่งถือเป็นการสรุปความเห็นที่บิดเบือน   ข้อ ๔. เมื่อประมาณปี 2554 นางสุดา  รองปลัดเทศบาล ได้ทุจริตยืมเงินหลวง
ออกมาใช้กว่าหนึ่งล้านบาท แต่ไม่มีการส่งใช้เงินคืนภายในปีงบประมาณที่ขอยืม จนถึงบัดนี้ก็ไม่ยังไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาตามลักษณะความผิดแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมานางสุดา  และนางสาววราภรณ์  ได้อาศัยโอกาสที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ เทศบาลเมืองคลองหลวงคอยปกป้องคดีของตนเองเพื่อมิให้มีการสอบสวนคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว






 ข้อ ๕. พวกข้าพเจ้าซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลได้รับเลือกตั้งจากประชาชนในเขตเทศบาลให้มาทำหน้าที่รักษาประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งยังได้ปฏิญาณตนในสภาเทศบาลว่า จะรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของส่วนรวมและจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต พวกข้าพเจ้าไม่อาจยอมรับได้หากจะให้นางสุดา  และนางสาววราภรณ์  ซึ่งมีพฤติการณ์จริตต่อหน้าที่หลาย ๆ อย่าง ทำหน้าที่ในเทศบาลเมืองคลองหลวงได้อีกต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อสอบสวนเอาผิดและพิจารณาโยกย้ายนางสุดา ทองวิลัย   และนางสาววราภรณ์  ออกจากเทศบาลเมืองคลองหลวงเป็นกรณีเร่งด่วนต่อไปด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
(นายสุวิรัตน์    กิมสวัสดิ์)
ประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง
(นายสมเชษฐ์   มุ่งเจริญ)                     (นายจงดี อาดำ)        (นางสาวศรีรัตน์   นิตินันท์)
สมาชิกสภาเทศบาล             สมาชิกสภาเทศบาล          สมาชิกสภาเทศบาล
เรียน    (ท่าน  ซูการ์โน    มะทา)
คณะกรรมาธิการกระจายปกครองส่วนท้องถิ่น
เรียน    ท่าน  ชวน หลีกภัย
ประธานสภาผู้แทนราษฎร
เรียน    ท่าน สส.ภูดิษ    อินสุวรรณ์
 สส. พรรคพลังประชารัฐ
เรียน    ท่าน พลเอกอนุพงษ์    เผ่าจินดา
รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย
เรียน    ท่านกองเอก   ฉัตรชัยพรหมเลิศ​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
เรียน    ท่านประยุทธ     จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
โชคชนะและโป๊ดรายงาน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น