ทั้งนี้นายพันธ์ยศ ได้นัดตนไปที่บ่อกุ้งแห่งหนึ่ง พร้อมข่มขู่และบังคับให้เขียนหนังสือลาออกจากนายทะเบียนพรรค แต่ตนไม่ยินยอม นายพันธุ์ยศ จึงลูกน้อง ซึ่งมีปืนอยู่โดยบังคับให้เขียนหนังสือและอัดคลิปวีดีโอขั้นตอนการคีย์ข้อมูลนำสมาชิกพรรคออกจากพรรคไว้ จากนั้นจึงปล่อยตัวออกมา หลังจากนั้นตนจึงไปตรวจร่างการและแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามฯเพื่อให้ดำเนินคดีไว้แล้ว
นายวีระพัฒน์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่เลขาธิการพรรคเข้าใจผิดว่า ตนเองเป็นคนกรอกข้อมูลพรรคให้สมาชิกพรรค 20 คนลาออก เพื่อไปสังกัดพรรคใหม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่รู้รหัสสามารถคีย์ข้อมูลสมาชิกพรรคได้มีจำนวนมาก ไม่ใช่แค่มีตนและหัวหน้าพรรค เพราะตนให้รหัสกับผู้ช่วยนายทะเบียนเพิ่มอีก 1 คนเพื่อให้ช่วยคีย์ข้อมูล เนื่องจากตนต้องลงพื้นที่เกรงว่า จะทำงานไม่ทัน นอกจากนี้ ทางพรรคมีเจ้าหน้าที่ของพรรคที่เป็นคนของเลขาธิการพรรคจำนวน 5 คนมาช่วยคีย์ข้อมูล และต่อมามีการนำพาสเวิร์ดไปแปะไว้เพื่อให้บุคคลอื่นมาช่วยกรอกข้อมูลอีกหลายคน อย่างไรก็ตามการร้องกกต.ครั้งนี้เพื่อให้ตนได้อยู่ในพรรคต่อไป โดยหวังว่า จะแก้ปัญหาให้กับพรรคให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงจะพิจารณาเรื่องการลาออกในภายหลัง แต่โดยส่วนตัวแล้วกับเลขาธิการพรรคคงทำงานด้วยกันอีกลำบาก
“ขอให้กกต.พิจารณากรณีดังกล่าวว่าหนังสือลาออกเป็นเอกสารเท็จให้ผมเป็นนายทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งขอให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและลงโทษนายพันธ์ยศด้วย” นายวีระพัฒน์ กล่าว
ช่วงเวลา 13.30 น.นายวีระพัฒน์ ได้เดินทางไปยับกองปราบปรามเพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีกรณีที่นายวีระพัฒน์ ถูกทำร้ายร่างกาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น