วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมและผู้มีอิทธิพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน   รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,พลตำรวจเอกเดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
,พลตำรวจโทชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ตำรวจภูธรภาค ๑ ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑, พลตำรวจตรี สมชาย พัชรอินโต,พลตำรวจตรี ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์ พลตำรวจตรี อำนาจ จันทร์เจริญ  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑
กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค ๑ นำโดย พลตำรวจตรี สุภธีร์ บุญครอง      ผบก.สส.ภ.๑ , พันตำรวจเอก ชยานนท์ มีสติ รอง ผบก.ฯ ,พันตำรวจเอกวสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบก.ฯ ,   พันตำรวจเอก ภาณุภาคยณ์ จิตประยูรตี ผกก.สส.๑ บก.สส.ภ.๑
ตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี นำโดย พลตำรวจตรี พงศ์ฤทธิ์ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี ,     พันตำรวจเอกสุเมธ ปุณสีห์ รอง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี, พันตำรวจเอกศุภากรณ์ จันทาบุตร รอง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี สำนักงาน ปปส.ภาค ๑ นำโดย นายพัฒนพันธ์ สุขยิ่ง ผอ ปปส ภาค 1 นายสงวนศักดิ์ ศรีวัฒนพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 1นายประสาร หยงสตาร์ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ นายชลัช นนท์วัฒนกุล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ

ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา ดังนี้ 

๑.นายวีรนิจ หรือนิจ  แซ่ม้า อายุ ๓๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๓๒/๒  หมู่๖ ต.คีรีราษฎร์         อ.พบพระ จ.ตาก
๒.นายประสิทธิ์หรือเตี้ย ชัยพัฒนโยธิน อายุ ๒๔ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒/๑๕ หมู่๘ ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก



พร้อมของกลาง  ดังนี้
๑. ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า)  บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ถุงละ ๘๕ มัด   มัดละประมาณ ๒,๐๐๐เม็ด  จำนวน ๕๒ ถุง (รวมยาบ้าทั้งสิ้น จำนวน ๘,๘๔๐,๐๐๐ เม็ด)
         ๒. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้๔ประตู สีบรอนทอง ทะเบียน กฉ-๑๗๕๕ นครสวรรค์ จำนวน ๑ คัน ( เป็นรถยนต์ที่ใช้ในการลักลอบขนยาเสพติด )
         ๓. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ ๔ประตู สีเทา ทะเบียน ๖กน-๑๓๓๐ กทม. จำนวน ๑ คัน ( เป็นรถยนต์ที่ใช้ในการขับนำดูต้นทางเพื่อหลบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ)
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่  ๘ กันยายน ๒๕๖๑ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม บก.สส.ภ.๑  และ ชุดปราบปรามยาเสพติด ศอ.ปส.ภ.๑ ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีกลุ่มนักค้ายาเสพติด ลักลอบขนยาเสพติดจากเขตพื้นที่ภาคเหนือมายังพื้นที่ภาคกลาง  โดยจะใช้รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๖กน-๑๓๓๐ กทม.เป็นรถขับนำเพื่อดูต้นทาง และมีรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กฉ-๑๗๕๕ นครสวรรค์ เป็นรถยนต์ที่ลักลอบขนยาเสพติด  เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้     ทำการสืบสวน และ วางกำลังตรวจสอบรถยนต์เป้าหมายตามเส้นทางถนนสายหลัก และสายรอง จนกระทั่ง เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๑  เวลาประมาณ ๒๓.๐๐น. เจ้าพนักงานตำรวจ ชุดจับกุม ได้พบรถยนต์ ทั้ง ๒ คัน ขับขี่ตามกันมา บนถนนสาย ๔๐๓๖  เส้นทาง อ.ชันสูตร มุ่งหน้า อ.บางระจัน  จ.สิงห์บุรี เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเรียกหยุดรถ เพื่อขอทำการตรวจค้น แต่รถยนต์ของผู้ต้องหาทั้ง ๒ คัน เร่งความเร็วพยายามหลบหนี จนกระทั่ง รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กฉ-๑๗๕๕ นครสวรรค์ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ในการลักลอบขนยาเสพติด ได้เสียหลัก   เข้าจอดข้างทางบริเวณ ทางเข้าบ้านเลขที่ ๓๔/๒ หมู่๑ ต.สิงห์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี พบ นายวีรนิจ หรือนิจ  แซ่ม้า ผู้ขับขี่ และนายประสิทธิ์หรือเตี้ย ชัยพัฒนโยธิน ผู้นั่งโดยสารเพื่อช่วยดูเส้นทาง พยายามทิ้งรถยนต์   วิ่งหลบหนีแต่ถูกชุดจับกุมทำการจับกุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๖กน-๑๓๓๐ กทม.         ขับหลบหนีการจับกุมและนำไปจอดทิ้งไว้บริเวณทุ่งนา ใกล้วัดสละบาป ต.สิงห์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี โดยมีนายเกียรติภูมิหรือชัย มั่นรัตนะ เป็นผู้ขับขี่และเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว ได้ทิ้งรถและวิ่งหลบหนีการจับกุมไปได้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน  นายวีรนิจฯผู้ขับขี่ ให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนายประสิทธิ์ฯ ซึ่งเป็นญาติของตน เป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ขับรถยนต์ขนยาบ้า จาก       จ.ตาก เพื่อไปส่งลูกค้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา  ส่วนนายประสิทธิ์ฯ  ให้การรับสารภาพว่าตนได้รับการว่าจ้างจากนายเน้ง แซ่ม้า ชาวพม่า เป็นญาติของตน ลักลอบขนยาบ้าของกลางดังกล่าว โดยได้รับค่าจ้างจากนายเน้งเป็นจำนวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท  และตนจึงได้จ้างวาน นายวีรนิจฯให้ขับรถยนต์มาส่งยาบ้าด้วยกัน จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง  ส่งพนักงานสวบสวน สถานีตำรวจภูธรบางระจัน  และจากการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญในครั้งนี้  ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑ จะได้ทำการสืบสวนขยายผล เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนี และผู้เกี่ยวข้อง เครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว เพื่อนำตัวมา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
                     ****************************************                       9 ก.ย.2561/แถลง










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น