วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562
ครบรอบ 70 ปีสาธารณรัฐประชาชนจีน ประธานรัฐสภาร่วมงานฉลองครบรอบ70ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
ครบรอบ 70 ปีสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประธานรัฐสภาร่วมงานฉลองครบรอบ70ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
วันที่ 28 กันยายน 2562 นายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภาพร้อมด้วยนายนิคม ไวยรัชพานิชอดีตประธานวุฒิสภาเอกอัครราชทูตหลุยส์ เจี้ยนและภรรยานายศุภโชค สันตธยานิติ กรรมการบริหารสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทยร่วมงานฉลองครบรอบ 70 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนที่โรงแรมแชงกรี-ลากรุงเทพฯ
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2562
‘ชวน’ ขวัญใจชาวใต้ เปิดงาน ‘สารทเดือนสิบ’ อย่างยิ่งใหญ่ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันสารทเดือนสิบ (ครั้งที่ 21 ) ประจำปี 2562 ของสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนกาญจนาภิเษก เขตทวีวัฒนา กทม. ในวันที่ 20 กันยายนนี้ เวลา 18.00น. โดยมีพล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ พร้อมพี่น้องชาวใต้ในกทม.ร่วมต้อนรับ
พล.ต.อ.สุนทร ให้สัมภาษณ์ว่า งานเดือนสิบหรือสารทเดือนสิบของชาวปักษ์ใต้ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สมาคมฯได้ร่วมกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนาธรรมของชาวปักษ์ใต้ไว้ด้วยความรัก ความสามัคคี เป็นที่ชื่นชมยกย่องและกล่าวขานกันมานาน อีกทั้งเปรียบเหมือนเป็นเดือนที่สำคัญ เพราะเป็นเดือนแห่งมหาบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวปักษ์ใต้ที่ทุกคน จะได้แสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับผ่านงานประเพณีเดือนสิบ ซึ่งเกิดจากความเชื่อที่ว่าบรรพบุรุษผู้ล่วงลับจะกลับมาเยี่ยมลูกหลานในวันแรม1 ค่ำเดือนสิบ ถึงแรม15ค่ำเดือนสิบ ซึ่งช่วงนี้ลูกหลานจะได้แสดงความกตัญญูด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ล่วงลับ
สำหรับ งานประเพณีวันสารทเดือนสิบ (ครั้งที่ 21) ประจำปี 2562 จะเริ่มงานตั้งแต่ระหว่างวันศุกร์ที่ 20 กันยายน-วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2562 รวม 9 วัน 9 คืนซึ่งมีการแสดงหนังตะลุง และมโนราห์จากปักษ์ใต้ พร้อมทั้งคอนเสิร์ตศิลปะ จากปักษ์ใต้ รวมทั้งจำหน่ายสินค้าอาหารปักษ์ใต้ทุกชนิด เครื่องแกงใต้ทุกจังหวัด ส่วนวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2562 จะเป็นงานบุญเพียงอย่างเดียว ความครื้นเครง เหล่านี้อยู่ตรงที่วันสุดท้าย คือจะจัดให้มีประเพณีชิงเปรต โดยสมาคมฯ และชาวบ้านจะนำสำรับมาถวายมาวางไว้ ที่บริเวณหน้าศาลาเปรต เพื่อให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับได้กลับมากิน ต่อจากนั้นก็ถึงคราที่เด็กๆและผู้ใหญ่จะวิ่งเข้าไปแย่งของ จากศาลาเปรตแข่งกินกัน ทั้งนี้ประเพณีดังกล่าวถือว่า เป็นความเชื่อของชาวใต้ว่าใครที่ได้กินอาหารที่เหลือจากการเซ่นไหว้บรรพชนจะได้รับกุศลทั้งยังเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
ในงานเทศกาลสารทเดือนสิบของสมาคมชาวปักษ์ใต้ ยังมีการจัดประกวดอาหารปักษ์ใต้”หรอยจังหู้”ในวันที่ 27 กันยายนอีกด้วย เพื่อส่งเสริมศิลปะการจัดทำอาหารปักษ์ใต้ ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเป็นธุรกิจอาหารที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ สอดคล้องกับแนวคิดนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนประชาสัมพันธ์ยกย่องธุรกิจร้านอาหารปักษ์ใต้ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดประเภทอาหารที่จัดประกวดระดับตำนานอาหารใต้ 5 ประเภท คือ แกงส้ม (แกงเหลือง) คั่วกลิ้ง แกงพุงปลา (ไตปลา) แกงคั่วกะทิ ไก่ต้มขมิ้น สุดยอดตำนานอาหารปักษ์ใต้ โดยมีรายงานว่าขณะนี้ร้านอาหารปักษ์ใต้ในกทม.ปริมณฑล และต่างจังหวัด ได้สนใจติดต่อขอเข้าประกวดจำนวนมาก พร้อมกับจะยกครัวไปปรุงสดๆ และยังสามารถสมัครได้เพิ่มเติม โดยติดต่อที่ ดร.สุเมต สุวรรณพรหม โทร.08-1110-3939, นัทธมน จูเจริญ โทร.09-0926-9360 การประกวดสุดยอดอาหารปักษ์ใต้ในหนนี้มี นายสันติ เศวตวิมล หรือ”แม่ช้อยนางรำ”เป็นกรรมการนำชิม ส่วน สมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ อดีตรมว.การท่องเที่ยวและกิฬา เป็นประธานชี้ขาด
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2562
*มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดตัว แอปพลิเคชัน ป่อเต็กตึ๊ง 1418 แอปพลิเคชันแรกในไทย ที่ติดตามการช่วยเหลือฉุกเฉินได้อย่าง ทันท่วงที ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ช่วยจริง อุ่นใจ แม้ในนาทีฉุกเฉิน”*
*มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดตัว แอปพลิเคชัน ป่อเต็กตึ๊ง 1418 แอปพลิเคชันแรกในไทย ที่ติดตามการช่วยเหลือฉุกเฉินได้อย่าง ทันท่วงที ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ช่วยจริง อุ่นใจ แม้ในนาทีฉุกเฉิน”*
.
(19 กันยายน 2562 ; กรุงเทพฯ) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโมบาย แอปพลิเคชัน ป่อเต็กตึ๊ง 1418 (Mobile Application) ช่องทางใหม่ ตอบโจทย์ประชาชนทุกช่วงวัยในยุคดิจิตอล ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (อุบัติเหตุ อุบัติภัยทั่วประเทศ ) เป็นแอปพลิเคชันแรกในไทย ที่สามารถแจ้งเหตุพร้อมส่งพิกัดสถานที่อัตโนมัติ และสามารถติดตามสถานะการ ช่วยเหลือได้แบบทันท่วงที (เรียลไทม์) รวมถึงการโทรสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ที่ง่ายดาย ด้วยรูปแบบการใช้งานที่เรียบง่าย เข้าถึงทุกฟังก์ชันได้อย่างสะดวก ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้ใช้งานในภาวะฉุกเฉินติดต่อเราได้อย่างรวดเร็วที่สุด และแม่นยำที่สุด โดยมี คณะกรรมการและผู้บริหารมูลนิธิฯ หน่วยงานในเครือ พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
.
นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ของมูลนิธิ
ป่อเต็กตึ๊งกว่า 109 ปี มูลนิธิฯ ได้รับแจ้งเหตุ และเข้าช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ มานับไม่ถ้วน จึงเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างดี การรอคอยในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ความกังวลต่างๆ รวมถึงศักยภาพการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ที่กำลังเดินทางมาช่วยเหลือ มูลนิธิฯ ตระหนักดี จึงไม่หยุดยั้งในการพัฒนาระบบการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ เรื่อยมา ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรของมูลนิธิฯ ทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ และความต้องการของพี่น้องประชาชนในปัจจุบัน
.
นายไปรเทพ ซอโสตถิกุล ผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า การลดความกังวลในภาวะฉุกเฉินของผู้แจ้งเหตุและผู้ประสบเหตุเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักที่มูลนิธิฯ นำมาใช้พัฒนาระบบการสื่อสาร จากเดิมเป็นการโทรเข้าเบอร์โทร 7 หลักธรรมดา พัฒนาเป็นสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 และในปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของประชาชนทุกเพศทุกวัย ประกอบกับการเป็นพลเมืองดีจิตอาสา และพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizenship) ซึ่งนับได้ว่ามีบทบาท และเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือสังคมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก มูลนิธิฯ จึงได้รวบรวมข้อมูล และคิดค้นพัฒนาแอปพลิเคชันการช่วยเหลือ แอปฯ แรกในไทย ที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมตรง “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ที่พร้อมด้วย ศักยภาพในด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน ด้วยระบบการแจ้งอุบัติเหตุ อุบัติภัยได้อย่างฉับไว แม่นยำด้วยระบบการจัดส่งพิกัดอัตโนมัติ รวมถึงระบบติดตามการปฏิบัติงานของทีมป่อเต็กตึ๊ง ไม่ว่าคุณจะประสบหรือพบอุบัติเหตุ อุบัติภัย ใดๆ คุณสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ และอุ่นใจเมื่อทราบว่าผู้ที่เข้าช่วยเหลือเป็นใคร และสามารถติดตามเจ้าหน้าที่ๆ จะเดินทางเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที (เรียลไทม์) กับฟีเจอร์ “กดแจ้งเหตุ”
.
นอกจากนี้ผู้ใช้งานแอปฯ ป่อเต็กตึ๊ง 1418 ที่สะดวกแจ้งเหตุผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์โดยตรงกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ท่านสามารถโทรเข้า สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ผ่านแอปฯ ได้เพียง 2 คลิกเท่านั้น กับฟีเจอร์ “ติดต่อเรา”
รวมทั้งผู้ใช้งานยังสามารถตรวจสอบพิกัดเกิดอุบัติเหตุที่มูลนิธิฯ กำลังดำเนินการให้การช่วยเหลือ ในรัศมี 5 กิโลเมตรได้ กับฟีเจอร์ “อุบัติเหตุ” รวมถึงสามารถติดตามข่าวสาร และสาระน่ารู้ด้านการช่วยเหลือต่างๆ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ผ่านทาง “ข่าวสาร” และ “สาระน่ารู้”
.
ทั้งนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งไม่ได้หวังให้ประชาชนมีการแจ้งเหตุเข้ามามากมาย เพราะนั่นหมายถึงความทุกข์ร้อน และการสูญเสีย แต่มูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อพี่น้องประชาชนประสบภัย หรือท่านใดพบเห็นความเดือดร้อน แอปพลิ-
เคชัน “ป่อเต็กตึ๊ง 1418” นี้พร้อมเป็นช่องทางเชื่อมตรงถึงทีมงานที่พร้อมให้การช่วยเหลือ โดยประชาชนสามารถ
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ป่อเต็กตึ๊ง 1418 ฟรีได้แล้ววันนี้ เพียงค้นหาด้วยคำว่า ป่อเต็กตึ๊ง 1418 ทั้งระบบแอพ สโตร์
(App Store) และเพลย์ สโตร์ (Play Store) หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.1418help.com
.
## แอปพลิเคชัน “ป่อเต็กตึ๊ง 1418” ช่วยจริง อุ่นใจ แม้ในนาทีฉุกเฉิน ##
.
#ติดต่อ-สอบถาม#ทีมงานสื่อสารองค์กร📱
086-854-1418📲
☎ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
-------------------------------------------------
วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2562
เจ้าของโรงงานสื่อการเรียนการสอนร้องสื่อเป็นเกาะ!!เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนหลังพบว่าที่ สภ.บางใหญ่มีผู้จัดการ สภ.หรือเจ้าแม่สภ.นั้นเอง
เจ้าของโรงงานสื่อการเรียนการสอนร้องสื่อเป็นเกาะ!!เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนหลังพบว่าที่ สภ.บางใหญ่มีผู้จัดการ สภ.หรือเจ้าแม่สภ.นั้นเอง
วันนี้11ก.ย.2562 ที่สภ.บางใหญ่จังหวัดนนทบุรีเวลา 14:00 น นางสาวพัชร์สิตา เจ้าของโรงงานธุรกิจสื่อการเรียนการการสอนเดินทางมาที่ สภ.บางใหญ่จังหวัดนนทบุรีหลังจากได้รับหมายจับพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ให้เธอมาพบและรับทราบข้อกล่าวหา ทั้งที่เธอแจ้งความหาว่ามีคนบุกทวงถามหนี้ข่มขู่ทวงหนี้ที่โรงงานเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมาโดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจนแต่ตำรวจไม่สามารถที่จะจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ น้ำซ้ำผู้ที่บุกรุกกับแจ้งความดำเนินคดีกับเธอในข้อหาฉ้อโกง คดีไวปานจรวด วันนี้เธอจึงมาหาผู้กำกับ สภ.บางใหญ่ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงว่าเหตุใดคดีเธอถึงไม่มีความคืบหน้า โดยจะแจ้งนัดหมายกับสื่อมวลชนว่าจะมีการแถลงข่าวเพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนอีกทั้งให้สื่อมวลชนมาเป็นพยานในการมาที่สถานีตำรวจในครั้งนี้เพราะตนเองเชื่อว่าหากมาคนเดียวเพียงลำพังอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่สถานีตำรวจบางใหญ่ มีเจ้าแม่หรือผู้จัดการ สภ.
ซึ่งระว่างที่เธอได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร้องขอความเป็นธรรมในฐานะประชาชนคนธรรมดา ก็มีเมียกำนันคนเก่งที่เธอบอกว่าเป็นผู้จัดการได้เดินทางมาที่ สภ.บางใหญ่พร้อมกับหญิงสาวอีก 1 คนโดยเดินเข้าในห้องพนักงานสอบสวน ตามที่เธอได้พูดกับสื่อมวลชนไม่มีผิดว่าที่นี่มีผู้จัด สภ.ขนาดผู้กำกับยังสั่งลูกน้องตัวเองไม่ได้ เธอเคยขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน โดยก่อนหน้านี้ได้แจ้งกับผู้กำกับไป 1 ครั้งแล้วผู้กำกับรับปากว่าจะเปลี่ยนแปลงให้ แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวหน้าพนักงานสอบสวนพันตำรวจโทยศอัศวิน ซึ่งเธอบอกว่าหัวหน้าพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวทำตัวไม่เป็นกลาง มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน และออกหมายจับในวันถัดมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็แสดงให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนรีบเร่งรัดคดีและทำงานไม่ถูกระเบียบขั้นตอนอาจจะเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งพรุ่งนี้นางสาวพัชร์สิตาจะไปยื่นหนังสือร้องถึงผบตร. รวมทั้งที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีเพื่อร้องเรียนการทำงานของเจ้าหน้าที่บางนาย ในสภ.บางใหญ่
ด้านพลตำรวจโทหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้ตอบว่าตนเองก็พยายามทำงานอย่างตรงไปตรงมาทั้งหากนางสาวพัชร์สิตาจะไปยื่นหนังสือถึงผบตร. ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าตนทำตามกระบวนการของกฏหมายอยู่แล้ว
วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2562
พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เป็นประธานมอบประกาศนัยบัตร, บัตรประจำตัว ที่ปรึกษา งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม
พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เป็นประธานมอบประกาศนัยบัตร, บัตรประจำตัว ที่ปรึกษา งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเข็มเชิดชูเกียรติ จิตอาสา (CSR) ให้กับ นาย ชยุต เมธาวิชิตชัย ผู้สื่อข่าวประจำกองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ 4 เหล่าทัพ และนิตยสาร ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ฯ
ประธานคณะกรรมการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รางวัล "ผู้ปิดทอง หลังพระ" และ รางวัล "สุดยอด เกีบรติยศ ตำรวจไทย"
(อดีต อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนสัมพันธ์ แห่งประเทศไทย)
โดยมี อาจารย์สุทิน บัวตูม ประธานที่ปรึกษา สมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาฯโครงการ
และมีผู้ที่ได้รับการคัดสรรฯ จากทั่วประเทศเพื่อเข้าร่วมโครงการฯรวม 72 คน
คุณชยุต เมธาวิชิตชัย กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการนี้เพราะมีประโยชน์อย่างยิ่งโดยส่วนตัวและเพื่อนๆที่ได้มาร่วมโครงการฯพร้อมจะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับโดยเฉพาะ การช่วยกระจายข่าวการใช้แอพริเคชั่น ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชื่อ Police i lert u ซึ่งปัจจุบันให้บริการประชาชนได้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยได้แล้ว เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือต้องการแจ้งเหตุด่วนฯ สามารถใช้แอพลิเคชั่นนี้ บอกตำแหน่งที่เกิดเหตุฯ และแจ้งเหตุฯได้ทันที
สิ่งที่ได้รับต้องขอขอบคุณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และท่านผู้บริหารฯ ที่คำนึงถึงการทำงานประสานงาน ร่วมกัน
ด้วยคุณธรรม และจิตอาสาฯระหว่างประชาชนและข้าราชการตำรวจ
ขอเป็นกำลังใจให้ร่วมกันทำแต่ความดี เพื่อร่วมมือกันช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติร่วมกันสืบต่อไป
พิธีฯจัดขึ้นที่ ศูนย์ฝึกตำรวจ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จังหวัดนครปฐม
ภาพ/ข่าว โดย
ชยุต เมธาวิชิตชัย และทีมงาน
PRESS & ORGANIZER
0910935555
0994926996
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)