วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สตม. ประชุมประสานความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์กับ
กรมตรวจคนเข้าเมืองแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

ด้วยเนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์
หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันที่
1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป
​พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เรียนเชิญ อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมประชุมหารือแนวทางการประสานความร่วมมือ
และกระชับความสัมพันธ์ ระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ในวันพุธที่
31 ตุลาคม 2561
​ โดยในเวลา 10.00 นาฬิกา ณ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ได้มีการพบปะกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กับ Pol.Gen.Kirth Chantharith Director General of General Department of Immigration (อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
และในเวลา 10.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมศรีอรัญ โรงแรมอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จะมีการประชุมหารือแนวทางการประสานความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ของตรวจคนเข้าเมือง แห่งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ให้มีมากยิ่งขึ้น เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ มุ่งสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้งสองประเทศ และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว นักลงทุนชาวต่างชาติ ส่งเสริมบรรยากาศการค้าการลงทุนและการพัฒนาศักยภาพด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอีกด้วย
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.









“ไก่ อูกัส”สร้างสีสัน โรงแรม Santiburi
เน้นศักดิ์ศรีความเป็น“สิงห์เอสเตท”

ดีไซน์เนอร์ไทยชื่อดังระดับโลก “ไก่อูกัส” จับมือ กับ “GM.Sabine G. Lambert” หอบความเป็นมืออาชีพในเรื่องของแนวคิดการสร้างสรรค์ มาเนรมิตชุดเสื้อผ้าให้โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ย่านทะเลอันดามัน อันแสนสวยทางภาคใต้ ดังเช่นที่ โรงแรม SANTIBURI  BEACH  RESORT & SPA  ซึ่งเรียกว่าเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ ให้ “สันติบุรี”ดูหนุ่มและสาวขึ้น และมีลูกเล่นมากขึ้น จากเดิมที่ดีอยู่แล้ว

“ไก่อูกัส” ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการออกแบบตัดเย็บเพื่อการปรับภาพลักษณ์ในปี 2018-2019 โดยล่าสุดได้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับแผนกต่างๆของโรงแรม SANTIBURI BEACH RESORT & SPA  โดยได้ไอเดียที่ดีงามสร้างสรรค์ จาก GM ที่เป็นแฟชั่นนิสต้าตัวยงทั้งในแผนก F&B [Food & Beverage] ที่เปรียบเสมือนหัวใจหลัก ซึ่งสีสันที่ใช้กับเสื้อนั้นเป็นโทนสีแดง Burgundy เพื่อให้ผสานเข้ากับรสชาติอาหาร-เครื่องดื่ม

ในส่วนของเสื้อผ้าพนักงานในแผนก H/K [Housekeeping] ใช้โทนอ่อนให้ความรู้สึกนุ่มละมุนด้วยการใช้สีขาว เพื่อให้เข้ากับสีกากีโทน gray ห่วงคล้องกระดุมยังคงรูปแบบความเป็นไทยลานนาดั้งเดิม ส่วนสีผ้าโดดเด่นด้วยการสั่งย้อมเป็นพิเศษให้สมศักดิ์ศรีของ “สิงห์เอสเตท” และที่สำคัญระดับหัวหน้าแผนก HOD. ก็ทรงพลังด้วยสีกรมท่าเข้มเกือบดำและสีขาวผ้าฝ้ายชั้นดีจากญี่ปุ่นที่นำมาแบรคความเอาจริงเอาจังให้กลายเป็นละมุนละม่อมลง ซึ่งในส่วนยูนิฟอร์มและอีกหลายส่วนของ “สันติบุรี บีช รีสอร์ท แอนสปา” ปีนี้ จัดว่าร้อนแรงจริงๆ แม้แต่ในส่วนของวิลล่าใหม่อย่าง The Reserve เริ่มจากห้องพักที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบร่วมสมัย ชื่อ “แกรนด์รีเสริฟพูลวิลล่า” จำนวน 19 หลัง มีคอกเทลไว้ให้ลูกค้าได้รื่นรมย์กับความอร่อยในแบบ Bartender-Bartendy รวมอาหารเช้าลอยน้ำ Floating breakfast ที่คู่รักสามารถมาสวีทหวานดื่มด่ำอาหารเช้าด้วยกันในชุดว่ายน้ำ

นอกจากนี้ ที่“สันติบุรี บีช รีสอร์ท แอน สปา” ยังเอาใจครอบครัวที่มากับลูกหลายตัวน้อย ในโซน  Kids Club สุด Hip ที่เด็กๆจะต้องกรี๊ดแบบยก Maldives มาไว้ที่นี่กันเลยทีเดียว สีโทนฟ้าอ่อนไล่ไปจนถึงฟ้าเข้ม และ Deeply Blue พร้อมสัญลักษณ์ของ Star fish และ Sea House ที่สดใสซาบซ่านดื่มด่ำไปกับบรรยากาศใต้ทะเลและสัตว์ต่างๆ รวมถึง กิจกรรมที่เด็กๆชอบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นห้องเกมส์ ร้องเพลงและ Painting รวมถึงถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในชุดประจำชาติ ส่วนผุ้ใหญ่ก็มีคลับเฮ้าส์ไว้ออกกำลังกาย เล่นกอล์ฟกับสนามที่สวยที่สุดบนเกาะนี้ เล่นเรือใบ พายเรือคายัค เล่นวินเซิร์ฟ และเจ็ทสกี ฯลฯ ไว้รอต้อนรับลูกค้าทั้งไทย และต่างประเทศอย่างจัดเต็มกันเลยทีเดียว
         
คุณซาบีน แลมเบิร์ต GM. ซึ่งเป็นผู้บริหารคนเก่งของโรงแรมสันติบุรี กล่าวว่าเราควรพัฒนาสิ่งที่สามารถช่วยเพิ่มเสน่ห์และสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าสนใจเข้ามาใช้บริการ โดยเฉพาะความเป็นศิลปะ-แฟชั่น-ดนตรี เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ามีความสบายใจเมื่อมาใช้บริการ และสามารถบอกต่อไปยังลูกค้าชาวต่างชาติ ให้มาซึมซับกับความอบอุ่นสบายใจของสันติบุรีแห่งนี้ และต้องขอขอบคุณ คุณไก่ อูกัส ที่ได้มาออกแบบเสื้อผ้ายูนิฟอร์มให้กับพนักงานของสันติบุรี

“เหตุผลที่เลือกคุณ “ไก่ อูกัส”มาช่วยออกแบบยูนิฟอร์มให้พนักงานของสันติบุรี เพราะคุณไก่ มีมากกว่าความเป็นดีไซน์เนอร์ มีมุมมองทางศิลปะและวัฒนธรรมอย่างมีเหตุผล อีกทั้งมีรางวัลระดับโลกอย่าง Sweden World Peace Award ซึ่งนับว่าทางโรงแรมสันติบุรีได้รับเกียรติและความภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับคุณไก่ อูกัส”

สำหรับผู้ที่ต้องการดูรายละเอียดของโรงแรมสันติบุรี บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา  สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.santiburisamui.com




ฮอน-ฐากร เจี่ยเพิ่มพูล ผู้จัดไฟแรง ค่ายไอพีเอ็ม นำคณะ ผู้ผลิต นักแสดงและทืมงานร่วมบวงสรวง
 ละครผาแดงนางไอ่ พร้อมเปิดตัวนักแสดงหน้าใหม่!!!!!
  ถือฤกษ์ดี วันที่29ตุลาคม ที่ผ่านมาบวงสรวง ละคร ผาแดงนางไอ่และจันทโครพ 2เรื่อง2รส โดย คุณ มานพ โตการค้า บิ๊กบอสใหญ่บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด นำทีมผู้ผลิต อาทิ ดร.ชายแฮ็คส์(วโรดม ศิริสุข)ควบคุมการผลิต ฐากร เจื่ยเพิ่มพูล ผู้จัดละคร(ผาแดงนางไอ่) วลงกรณ์ จับใจ ผู้กำกับฯ พร้อด้วยนักแสดง และทีมงาน จัดพิธีบวงสรวง ละครพี้นบ้าน 2 เรื่อง 2 รส เรื่อง "ผาแดงนางไอ่"และเรื่อง"จันทโครพ"อย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยมีพระนาง ทั้ง 2 เรื่อง "ผาแดงนางไอ่"นำทีมโดย เทพสถิตย์ กุลโคกกรวด (เวียร์) รับบท ผาแดง,ปุณฐิภาภัคร์ สุวรรณราช (ตุ๊กตา) รับบท นางไอ่,เรื่อง"จันทโครพ"นำทีมโดย วิทวัส แก้วพรรณนา (มิวสิค) รับบท จันทรโครพ,ภัทราพร ไล้ปรีดา (หมวย) รับบท มุจลินทร์ และนักแสดงร่วมอีกคับคั่ง ณ.วัดเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัด นนทบุรี
โดยในงานพิธีบวงสรวง ฮอน-ฐากร เจี่ยเพิ่มพูล ผู้จัดฯได้เปิดตัวนักแสดงน้องใหม่
-ณัฐวุฒิ เทพเซ่งหลี (ตั้ม) ตำแหน่ง ambassador สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการวัยรุ่นและวัยทำงานจากเวที ประกวด Mr.Working men Thailand 2018 รับบท อมาตย์ คนสนิทฯในละครเรื่องจันทโครพ
-ประธาน พิศงาม (แจ็ค) ตำแหน่ง ambassador สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการวัยรุ่นไทยและวัยทำงาน จากเวที ประกวด Mr.Working men Thailand 2018 รับบท ท้าวฟ้าแดด ในละครเรื่องผาแดงนางไอ่
-จีรพล อภัยวงค์ (เสื้อยืด) ตำแหน่ง Mr.Handsome Guy 2018 จาก เวที ประกวด Mr.Pattaya 2018รับบท ขุนหาญ ในละครเรื่องผาแดงนางไอ่
-น้อง ธนสิตา บุรัตน์ (น้องวาเลนไทน์) 
พี่ฮอน-ฐากร ฝากติดตามผลงานของน้องๆท้ง4ด้วยนะครับ!!!!!







วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

กวดขัน-จับกุม !!จร.สน.ชนะสงคราม  แท็กซี่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร ไม่กดมิเตอร์โก่งราคาค่าโดยสาร ครั้งที่ 10  เมื่อเวลา13.30น.วันที่26ต.ค.61 ณ.บริเวณด้านหน้า สน.ชนะสงคราม กทมฯ พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ชนะสงคราม มอบหมายให้ พ.ต.ท.ภูวดล อุ่นโพธิ์ รอง ผกก.จร.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.วรวุฒิ ไชยสมบูรณ์ สว.จร.สน.ชนะสงคราม ร.ต.อ.นิยม น้อยนิล รอง สว.จร.สน.ชนะสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของทาง สน.ชนะสงคราม กวดขันและจับกุมสำหรับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ยังไม่ทำตามกฏหมายจราจร เช่นการปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสาร ไม่กดมิเตอร์โดยใช้วิธีต่อรองราคา หรือเรียกราคาเกินความเป็นจริง การแต่งกายไม่เป็นไปตามระเบียบที่ทางขนส่งกำหนดไว้ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถแท็กซี่ ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ของทาง สน.ชนะสงคราม ใน 9 ครั้งที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังพบผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ยังมีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฏหมายจราจรอยู่ โดยไม่เกรงกลัวต่อการที่ถูกจับกุม แม้จะมีการประชาสัมพันธ์หรือการแจ้งเตือนออกสื่อฯหลายครั้งที่ผ่านมา และในวันนี้จากการปฏิบัติหน้าที่ของทาง จร.สน.ชนะสงคราม ได้จับกุมผู้กระทำความผิดได้ 20 ราย ทั้งนี้ทางด้านของ ร.ต.อ.นิยม น้อยนิล รอง สว. จร.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่าจะจับให้หมดสำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่ปฏืบัติตามกฏหมายจราจร เนื่องด้วยมีชาวต่างชาติยังคงร้องเรียน และทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งจากการที่ ท่าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม.ได้เน้นย้ำและให้กวดขันอย่างเข้มงวด และโดยตลอดเวลาที่ผ่านมาทางด้าน จร.สน.ชนะสงคราม ก็ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเสมอมา โดยกวดขัน-จับกุม และจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดจนกว่าจะไม่มีผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ฝ่าฝืนกฏหมายจราจรในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม กล่าวคือจะต้องไม่มีผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร หรือไม่กดมิเตอร์โดยเรียกค่าโดยสารเกินจากความเป็นจริงในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม 












ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี              ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบยึดที่ดินเป็นของประชาชน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่ง ตร. ที่ 466/2561 ลง 10 ส.ค.2561 จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปฉช.ตร.) เพื่อควบคุม สั่งการ เร่งรัด ตรวจสอบ ติดตามการดำเนินคดีอาญาอื่นที่เป็นนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. , พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก     ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. และตำรวจภูธรภาค 1          โดย พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รรท.ผบช.ภ.1/ผอ.ศปฉช.ภ.1 , พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์       รอง ผบช.ภ.1/รอง ผอ.ศปฉช.ภ.1 , พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง รรท.รอง ผบช.ภ.1 ควบคุมกำกับชุดปฏิบัติการ สั่งการให้ตำรวจภูธรทั้ง 9 จังหวัด และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมกลุ่มนายทุนปล่อยดอกเบี้ยโหดและยึดที่ดินชาวบ้าน จากการปฏิบัติงานได้ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการถูกเอารัดเอาเปรียบเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและ   ถูกยึดโฉนดที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ นำเข้าสู่มาตรการเจรจาไกล่เกลี่ย สามารถนำโฉนดที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ คืนให้กับประชาชน ดังนี้
- 2 -
1. ผู้ต้องหา
1.1 จับกุม 81  ราย 82  คน
1.2 ของกลาง 116  รายการ มูลค่า  7,751,530  บาท
2. ไกลเกลี่ย
2.1 ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 363  ราย
2.2 อยู่ระหว่างไกล่เกลี่ย 173  ราย
3. ทรัพย์สินที่คืนให้ประชาชน
3.1 โฉนดที่ดิน  225 ฉบับ  มูลค่า 144,273,626 บาท
3.2 รถยนต์  20  คัน  มูลค่า    7,810,000 บาท
3.3 รถจักรยานยนต์  57  คน  มูลค่า    1,326,000 บาท
3.4 รถไถนา  คัน  มูลค่า      350,000 บาท
3.5 บัตร ATM  29  ใบ   
3.6 สมุดเงินฝากธนาคาร  14  เล่ม 
3.7 สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ  18  เล่ม 
3.8 ทรัพย์สินอื่นๆ  40  รายการ 
รวมมูลค่า  157,894,202  บาท

                         รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น  165,645,732   บาท

4. บก.สส.ภ.1 ได้ทำการตรวจยึดโฉนดที่ดินและอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ดังนี้
4.1 โฉนดที่ดิน ในเขตพื้นที่ จว.สระบุรี จำนวน   2,216   ฉบับ
4.2 โฉนดที่ดิน ในเขตพื้นที่ จว.ลพบุรี จำนวน       81   ฉบับ
4.3 โฉนดที่ดิน ในเขตพื้นที่ จว.ชัยนาท จำนวน         7   ฉบับ
รวมโฉนดที่ดินที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งสิ้น   2,304   ฉบับ

ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 ได้บูรณาการกำลังร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือจากประชาชน และตำรวจภูธรภาค 1 จะได้ดำเนินการตรวจสอบ ตรวจค้นจับกุมอย่างต่อเนื่อง ต่อไป เพื่อให้นโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรลุวัตถุประสงค์สูงสุด
..............................ขอขอบพระคุณ..............................











ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี              ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบยึดที่ดินเป็นของประชาชน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่ง ตร. ที่ 466/2561 ลง 10 ส.ค.2561 จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปฉช.ตร.) เพื่อควบคุม สั่งการ เร่งรัด ตรวจสอบ ติดตามการดำเนินคดีอาญาอื่นที่เป็นนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. , พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก     ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. และตำรวจภูธรภาค 1          โดย พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รรท.ผบช.ภ.1/ผอ.ศปฉช.ภ.1 , พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์       รอง ผบช.ภ.1/รอง ผอ.ศปฉช.ภ.1 , พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง รรท.รอง ผบช.ภ.1 ควบคุมกำกับชุดปฏิบัติการ สั่งการให้ตำรวจภูธรทั้ง 9 จังหวัด และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมกลุ่มนายทุนปล่อยดอกเบี้ยโหดและยึดที่ดินชาวบ้าน จากการปฏิบัติงานได้ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการถูกเอารัดเอาเปรียบเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและ   ถูกยึดโฉนดที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ นำเข้าสู่มาตรการเจรจาไกล่เกลี่ย สามารถนำโฉนดที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ คืนให้กับประชาชน ดังนี้
- 2 -
1. ผู้ต้องหา
1.1 จับกุม 81  ราย 82  คน
1.2 ของกลาง 116  รายการ มูลค่า  7,751,530  บาท
2. ไกลเกลี่ย
2.1 ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 363  ราย
2.2 อยู่ระหว่างไกล่เกลี่ย 173  ราย
3. ทรัพย์สินที่คืนให้ประชาชน
3.1 โฉนดที่ดิน  225 ฉบับ  มูลค่า 144,273,626 บาท
3.2 รถยนต์  20  คัน  มูลค่า    7,810,000 บาท
3.3 รถจักรยานยนต์  57  คน  มูลค่า    1,326,000 บาท
3.4 รถไถนา  คัน  มูลค่า      350,000 บาท
3.5 บัตร ATM  29  ใบ 
3.6 สมุดเงินฝากธนาคาร  14  เล่ม 
3.7 สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ  18  เล่ม 
3.8 ทรัพย์สินอื่นๆ  40  รายการ 
รวมมูลค่า  157,894,202  บาท

                         รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น  165,645,732   บาท

4. บก.สส.ภ.1 ได้ทำการตรวจยึดโฉนดที่ดินและอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ดังนี้
4.1 โฉนดที่ดิน ในเขตพื้นที่ จว.สระบุรี จำนวน   2,216   ฉบับ
4.2 โฉนดที่ดิน ในเขตพื้นที่ จว.ลพบุรี จำนวน       81   ฉบับ
4.3 โฉนดที่ดิน ในเขตพื้นที่ จว.ชัยนาท จำนวน         7   ฉบับ
รวมโฉนดที่ดินที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งสิ้น   2,304   ฉบับ

ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 ได้บูรณาการกำลังร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือจากประชาชน และตำรวจภูธรภาค 1 จะได้ดำเนินการตรวจสอบ ตรวจค้นจับกุมอย่างต่อเนื่อง ต่อไป เพื่อให้นโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรลุวัตถุประสงค์สูงสุด
..............................ขอขอบพระคุณ..............................